แฟ้มคดีกรมปราบปีศาจ 步天纲 (Bu Tian Gang) 梦溪石 เมิ่งซีสือ เขียน ลลิตา ธ. แปล นิยาย 6 เล่มจบ วางจำหน่ายแยกเล่ม —.—.—.—.—.—.—.—.—.— ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing …XOXO… มาดามโรส ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ บทที่ 118 อู๋ปิ่งเทียนยกมือลูบหน้า ราวกับตั้งใจสลัดเอาความเหนื่อยล้าจากการอดหลับอดนอนทิ้งไป “ผมยังไม่ทันบอกพวกคุณ เมื่อวันก่อนผมเข้าประชุมกับพวกผู้อาวุโสจงกับผู้อาวุโสจาง ทั้งคู่คิดว่าตาค่ายน่าจะอยู่ที่เขาคุนหลุน เพียงแต่เขาคุนหลุนใหญ่เกินไป จึงยืนยันตำแหน่งที่แน่นอนไม่ได้ ตอนนี้เลยทำได้แค่ขยายการค้นหาไปทีละนิดก่อน ผู้อาวุโสจงกับผู้อาวุโสจางจะเข้าร่วมการค้นหาด้วย” เขาคุนหลุนไม่ใช่ภูเขาลูกเดียว แต่เป็นเทือกเขาที่ทอดยาวติดต่อกันไม่มีที่สิ้นสุด ถูกยกให้เป็นบรรพบุรุษแห่งขุนเขาทั้งปวงในจีน และเป็นจุดเริ่มต้นของชีพจรมังกร ตำนานและเทพนิยายนับไม่ถ้วนล้วนถือกำเนิดขึ้นจากที่นี่ ไม่เคยขาดหายตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้ว เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นที่อยู่ของตาค่ายจริง ๆ แต่สถานที่แห่งนี้ ลำพังแค่ยอดเขาสูงกว่าหกพันเมตรขึ้นไปก็มีอยู่สิบเก้าแห่งแล้ว หิมะปกคลุมยอดเขาตลอดปี ทั้งยังมีใจกลางของขุนเขาลึกที่ไม่เคยมีผู้ใดย่างกรายเข้าไปอีก เวลาสามถึงห้าปีใช่ว่าจะค้นหาได้ทั่ว ไม่ต้องพูดถึงปรากฏการณ์ภัยธรรมชาตินับไม่ถ้วนเลย หลงเซินถาม “ตอนนี้มีข่าวอะไรจากพวกติงหลานบ้างไหม” อู๋ปิ่งเทียนส่ายหัว “ผมให้พวกเขายึดถือความปลอดภัยของตัวเองเป็นหลัก ถ้าไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องติดต่อกันตลอดเวลา” หลี่อิ้งค่อนข้างขาดประสบการณ์ แต่การไปครั้งนี้เขาไม่ใช่ผู้นำ มีติงหลานกับอวี๋ปู้หุ่ยอยู่ด้วย ก็เพียงพอแล้วที่จะปรับตัวไปตามสถานการณ์ แต่โอโตวะ ยาซูฮิโกะ เตรียมการมาหลายปีดีดัก ไม่มีทางเดาไม่ออกว่าพวกเขาจะไปเยือน การเดินทางครั้งนี้ของพวกติงหลานจึงมีอันตรายร้ายแรงแฝงเร้นอยู่ในความสงบไม่แพ้กัน หลงเซินหันไปบอกตงจื้อ “นายกลับไปพักก่อนเถอะ” ตงจื้อนั่งฟังข้าง ๆ อยู่นาน ได้รับข้อมูลมาไม่น้อย แต่เขาช่วยอะไรไม่ได้สักอย่าง เมื่อเห็นบรรยากาศค่อนข้างหนักอึ้ง ใจก็ทรมานไปด้วย ได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าลุกขึ้นทันที “เดี๋ยวก่อน” ซ่งจื้อฉุนเรียกเขาไว้ ยื่นแฟ้มเอกสารตรงหน้าไปให้ “นี่เป็นข้อมูลของงานชุมนุมแลกเปลี่ยนปีที่ผ่านมา เธอลองดู ๆ ไปก่อน ไว้รอคนมาครบแล้วฉันค่อยบอกทุกคน แต่เรื่องแบ่งงานยังต้องให้เธอทำอยู่” ตงจื้อผงะ เขานึกว่าเรื่องที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นหัวหน้าทีมเป็นเพียงคำพูดลอย ๆ ยังต้องผ่านการประเมินเป็นการเฉพาะอีก แต่ฟังจากความหมายของซ่งจื้อฉุนตอนนี้ เหมือนจะกำหนดไว้แน่นอนแล้ว จิตใต้สำนึกสั่งให้เขามองไปที่หลงเซิน ฝ่ายหลังผงกศีรษะเล็กน้อย สายตาให้กำลังใจ ความสงบนิ่งและความกล้าหาญบังเกิดขึ้นในชีวิตตงจื้อทันที เขารับเอกสารมา บอกลาพวกซ่งจื้อฉุนแล้วผละไป […]
Author Archives: AMARINBOOKS TEAM
แฟ้มคดีกรมปราบปีศาจ 步天纲 (Bu Tian Gang) 梦溪石 เมิ่งซีสือ เขียน ลลิตา ธ. แปล นิยาย 6 เล่มจบ วางจำหน่ายแยกเล่ม —.—.—.—.—.—.—.—.—.— ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing …XOXO… มาดามโรส ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ บทที่ 113 เพราะการสู้รบที่ยืดเยื้อและการยึดครองดินแดนจากกลุ่มอิทธิพลต่าง ๆ จนถึงตอนนี้ชายแดนพม่าจึงยังไม่กลับคืนสู่ความสงบ บางพื้นที่มักมีการยิงปืนใหญ่ติดต่อกันหลายวัน สู้รบตอนกลางวัน ด่าทอกระทบกระทั่งกันตอนกลางคืน ผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศอันสงบสุขยากจะจินตนาการว่าบริเวณพื้นที่ชายแดนระหว่างสองประเทศจะมีผู้ลี้ภัยหลายแสนคนมารวมตัวกัน คนเหล่านี้ไม่มีที่อยู่อาศัย ได้แต่ทำมาค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่แถบชายแดนท่ามกลางสถานการณ์อันตราย ใช้ชีวิตไปวัน ๆ แต่หมู่บ้านแสนตาตั้งอยู่ตรงตีนเขาสูงแห่งหนึ่งบริเวณชายแดน ที่นั่นมีแต่ป่าทึบทั่วทุกหัวระแหง หากไม่มีคนในพื้นที่คอยชี้แนะก็ยากมากที่คนนอกจะไม่หลงทางอยู่ในนั้น อย่าว่าแต่เจอตัวสนเลย ต่อให้หลงเซินกับตงจื้อเป็นผู้บำเพ็ญเพียร ก็ไม่ใช่เทพเซียนที่ทำได้ทุกอย่าง ต้องถามทางก่อนเป็นธรรมดา แต่หมู่บ้านแสนตามีประชากรน้อยและไวต่อคนนอกมาก เผลอ ๆ สนอาจรู้ล่วงหน้าและทำให้พวกตงจื้อต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นฝ่ายตั้งรับเอาได้ เวลานี้ตงจื้อจึงเสนอให้พวกเขาทั้งสี่แยกกันไปสองทาง คนหนึ่งอยู่ในที่แจ้ง สามคนอยู่ในที่ลับ แบบนี้แล้วจะได้หันเหความสนใจของเป้าหมาย อีกทั้งยังเหลือแผนสำรองเผื่อไว้ป้องกันเรื่องไม่คาดฝันอีกด้วย อาจารย์สินชัยจึงบอกว่า “แยกกันเป็นวิธีที่ดี ฉันให้เขมทัตไปกับเธอแล้วกัน” ตงจื้อกลับส่ายหน้า “พวกคุณเป็นคนในประเทศทั้งคู่ อีกอย่าง พวกเขาเห็นการแต่งตัวของพวกคุณก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่คนธรรมดา ผมไปคนเดียว แกล้งทำเป็นไปขอความช่วยเหลือจากสน จะลดความระแวดระวังของพวกเขาได้มากกว่า พวกคุณเว้นระยะห่าง ถ้าเจอเส้นทางอื่นให้เข้าไปได้จะดีที่สุด ถ้าสนเดาได้ว่าเราจะหาตัวฉีหรุ่ยเจอ เขาก็ต้องรอให้เราไปหาถึงที่อยู่แล้ว” ฝ่ายตรงข้ามคงเดาได้ว่าหลงเซินจะมา แต่คงคาดไม่ถึงเรื่องสินชัย เวลาแบบนี้ยิ่งพวกเขามีไพ่ตายเท่าไหร่ โอกาสชนะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เพราะข้างหน้าเป็นถิ่นของสน ต่อให้มังกรที่ข้ามแม่น้ำไปดุร้ายแค่ไหนก็โดนอุบายของงูเจ้าถิ่นหลอกได้ง่าย ๆ เหมือนกัน เห็นเขาพูดจามีเหตุผล สินชัยจึงพยักหน้าเห็นด้วยกับแผนการนี้ “อย่าประมาท” หลงเซินบอกตงจื้อ ตงจื้อส่งยิ้มให้อีกฝ่ายเมื่อรับรู้ถึงความห่วงใยในนั้น เขาโบกมือแล้วหมุนตัวเดินไปทางหมู่บ้าน เมื่อเขาเดินออกไประยะหนึ่งและหันกลับมาอีกครั้ง พวกหลงเซินก็หายไปแล้ว รถแล่นมาถึงสถานีปลายทางซึ่งเป็นอำเภอเล็ก […]
แฟ้มคดีกรมปราบปีศาจ 步天纲 (Bu Tian Gang) 梦溪石 เมิ่งซีสือ เขียน ลลิตา ธ. แปล นิยาย 6 เล่มจบ วางจำหน่ายแยกเล่ม —.—.—.—.—.—.—.—.—.— ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing …XOXO… มาดามโรส ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ บทที่ 115 แม้ฝั่งพวกตงจื้อจะรอดพ้นอันตรายมาได้ชั่วคราว แต่การต่อสู้ระหว่างสินชัยกับสนกำลังมาถึงภาวะชะงักงัน ทั้งสองฝ่ายมีเคล็ดวิชาที่ต่างกัน แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งคู่ต่างก็เป็นนักไสยศาสตร์ฝีมือเยี่ยม สินชัยอาจด้อยกว่าสนเล็กน้อยในแง่ของวิธีการอันน่ารังเกียจ แต่สนก็ช่วงชิงความได้เปรียบไปไม่ได้ง่าย ๆ ตงจื้อค่อนข้างเป็นห่วงหลงเซิน หากทางนั้นราบรื่นปลอดภัย ป่านนี้หลงเซินก็น่าจะมาปรากฏตัวแล้ว แสดงว่าทางฝั่งนั้นรับมือยากยิ่งกว่า ตงจื้อกำลังจะไปหาหลงเซิน ก็พลันเห็นระเบิดจากห้องด้านในสุดของเรือน การระเบิดเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ แต่เสียงดังมากพอจะสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วทุกแห่งหน แม้กระทั่งสินชัยกับสนที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตายจนปลีกตัวไม่ได้ก็ยังชะงักไปครู่หนึ่งโดยไม่รู้ตัว ตงจื้อกับเขมทัตไม่เพียงแต่เห็นการระเบิดกับตาเท่านั้น แต่ยังเห็นหลังคาห้องพังถล่ม พายุเฮอริเคนสีดำทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า เมฆดำเหนือศีรษะก่อตัวไม่หยุด ขึ้น ๆ ลง ๆ ตอบสนองกัน ราวกับท้องฟ้าถูกทะลวงจนเป็นรูด้วยพายุเฮอริเคน เปิดช่องทางสู่อีกโลกหนึ่ง “นั่นมันอะไร!” เขมทัตร้องเสียงหลง ตงจื้อรีบวิ่งเข้าไปโดยไม่หยุดคิด วินาทีนั้นเขาคิดแค่ว่าหลงเซินยังอยู่ข้างใน สินชัยรับมือสนอยู่ทำให้ปลีกตัวออกมาไม่ได้ พอเห็นดังนั้นก็เปลี่ยนสีหน้า มีเพียงสนที่แสดงความปีติยินดีเป็นล้นพ้น หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง “พลังของท่านปาปียัสผู้ยิ่งใหญ่! นายท่านหวนกลับมาจากนรกอเวจีแล้ว พวกมดปลวกที่กล้าดูหมิ่นนายท่านอย่างพวกแกต้องตายอยู่ที่นี่ทั้งหมด!” ระหว่างที่พูดอยู่นั้น พายุเฮอริเคนมีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ แต่พลังของมันกลับยิ่งทวีความรุนแรง ทุกที่ที่มันพัดผ่านไม่มีตรงไหนไม่พังราบเป็นหน้ากลอง เศษชิ้นส่วนนับไม่ถ้วนหมุนคว้างปลิวว่อนอยู่กลางอากาศ ต้นไม้ถูกขุดรากถอนโคน น้ำในแม่น้ำข้าง ๆ ถูกสูบขึ้นมากลายเป็นหยดน้ำจำนวนมาก ก่อนระเหยเป็นไอกลายเป็นส่วนหนึ่งของหมอกดำที่ปกคลุมครึ้มหนาอยู่รอบ ๆ พายุเฮอริเคน ในสายตาของมนุษย์ นั่นเป็นภาพที่แทบปกคลุมท้องฟ้าบดบังดวงตะวัน แม้แต่สุขียังเพิกเฉยต่อความเจ็บปวดในช่องท้อง คุกเข่ากับพื้น ตัวสั่นงันงก ปากพึมพำชื่อปาปียัสไม่หยุด ตงจื้อเข้าไปใกล้ไม่ได้เลย เขาพยายามออกแรงเดินฝ่าสายลมกระหน่ำไปข้างหน้า ดวงหน้าซีดเผือด […]
แฟ้มคดีกรมปราบปีศาจ 步天纲 (Bu Tian Gang) 梦溪石 เมิ่งซีสือ เขียน ลลิตา ธ. แปล นิยาย 6 เล่มจบ วางจำหน่ายแยกเล่ม —.—.—.—.—.—.—.—.—.— ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing …XOXO… มาดามโรส ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ บทที่ 116 หลงเซิน! ตงจื้อเบิกตาโพลง เขาแทบลืมสภาพจนตรอกใกล้ตายของตน จับจ้องไปยังร่างที่ปรากฏขึ้นกะทันหันแน่วนิ่ง หลงเซินชูกระบี่ขึ้นสูง ฟันฉับลงที่ด้านหลังของปีศาจฟ้า! แสงกระบี่ฟาดผ่าลงมาจากขอบฟ้าดุจคมดาบสวรรค์ ประกายไฟสีม่วงบดบังดวงอาทิตย์ คลื่นยักษ์ถาโถมรุนแรง ราวกับตัดสินความผิดฐานก่ออาชญากรรมของปาปียัสโทษฐานที่ออกจากขุมอเวจีมาโดยพลการในนามของกฎสวรรค์ ตอนนี้ลำคอของตงจื้อถูกมือข้างหนึ่งของปีศาจฟ้าบีบแน่นทำให้ขยับตัวไม่ได้ เขารู้สึกว่าลมหายใจของตนใกล้ขาดห้วง สติล่องลอยไปมาระหว่างเขตแดนหยินกับหยาง แยกไม่ออกระหว่างความจริงกับภาพมายา เขาไม่รู้ว่าหลงเซินที่ตัวเองเห็นคือหลงเซินตัวจริงที่รอดตายมาได้ หรือเป็นภาพมายาก่อนเขาจะตายกันแน่ แต่ภาพดังกล่าวสวยงามมากจนเขาไม่อยากกะพริบตาเลย ตงจื้อกัดฟันพลางสะบัดข้อมือทีหนึ่ง พลังปราณผสานกับตัวกระบี่ เขาออกแรงยกกระบี่ฉางโส่วที่หนักขึ้นเป็นล้านกิโลสำหรับตน มือซ้ายทำมุทรา ร่ายคาถาเรียกอสนีที่ท่องจำจนขึ้นใจนานแล้วทีละพยางค์ ไม่จำเป็นต้องปูค่ายยันต์ใด ๆ “ผู้รู้แจ้งสี่ธรรมยิ่งใหญ่ ฟ้าดินเป็นสามัญ โองการจักรพรรดิหยกอวี้ตี้ คืนสุขสงบแก่สามภพ ราชันเทพกระบี่เกรียงไกร โค่นมารดับรอย เมฆาม่วงล่องนภา แสงขอบฟ้าฉายฉาน กลืนมารกินปีศาจ แทรกร่างดื่มเวหา เพียงเปล่งเสียงบัญชาอสนี ผีสางเทวดาหมื่นลี้ขวัญกระเจิง!” โฉมหน้าที่งดงามของปาปียัสเปรียบเสมือนผีร้ายจากขุมนรกในสายตาเขา ไม่อาจล่อลวงและสั่นคลอนได้แม้แต่นิดเดียว ทันใดนั้นบริเวณเหนือศีรษะก็พลันสว่างเรืองรอง ท่ามกลางเมฆอสนีเลื่อนลั่น ปราณกระบี่ที่กดทับลงมาดุจภูเขาไท่ซานของหลงเซินก็มาถึง! ในที่สุดปีศาจฟ้าก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย จังหวะที่ตงจื้อใช้แรงเฮือกสุดท้ายจากทั่วทั้งลำตัวเสียบกระบี่ฉางโส่วทะลุร่างปีศาจฟ้า เขาก็ถูกเหวี่ยงออกไปไกลราวกับหุ่นเชิด ภาพสุดท้าย ตงจื้อเห็นแสงอสนีกับแสงกระบี่ประสานรวมเป็นหนึ่ง พร่างพราวไปด้วยสีขาวเจิดจ้าผสมประกายสีม่วง เมฆมารวมตัวกันจากทั่วทุกสารทิศ เรียงตัวซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ส่งผลให้ท้องฟ้าลดต่ำลงมา อำนาจของเมฆหนาที่รวมกับอสนีสวรรค์ได้ปกคลุมปีศาจฟ้าที่อยู่เบื้องล่างเอาไว้ แสงสีขาวถักทอเป็นพายุไซโคลนขนาดใหญ่โดยมีปีศาจฟ้าเป็นศูนย์กลาง ฝุ่นผงปลิวว่อน กลิ่นอายผสมปนเป แม้แต่ร่างของสวรรค์ ลูกศิษย์สนที่เหลืออยู่ก็ถูกกวาดเข้าไปและสลัดออกมาจากอีกด้านหนึ่ง ตกลงไปในแม่น้ำที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนถูกกระแสน้ำเชี่ยวกรากพัดหายไปอย่างรวดเร็ว เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้ว่าเวลาที่แสงสว่างต้องการปลดปล่อยตัวเองอย่างแท้จริงนั้น มันกลืนกินความมืดมิดทั้งหมดทั้งมวล ภายใต้แสงสว่างรุ่งโรจน์ ไม่มีเงาดำหลงเหลืออีกเลย! วินาทีต่อมาเขาร่วงหล่นไปที่พื้นอย่างแรง กระดูกทั่วร่าง แขนขาทั้งสี่ ไม่มีส่วนไหนเลยที่ไม่ปวดแปลบ บริเวณลำคอเหมือนหักไปแล้วก็ไม่ปาน ไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดอีกต่อไป เขาหลับตาลง ปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในความมืดมิดไร้ขอบเขต […]
แฟ้มคดีกรมปราบปีศาจ 步天纲 (Bu Tian Gang) 梦溪石 เมิ่งซีสือ เขียน ลลิตา ธ. แปล นิยาย 6 เล่มจบ วางจำหน่ายแยกเล่ม —.—.—.—.—.—.—.—.—.— ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing …XOXO… มาดามโรส ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ บทที่ 114 ตงจื้อคนเดียวรับมือกับหุ่นยาสามตัว แม้ตอนนี้ยังไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่เขาก็นึกหาวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ออกในเวลาอันสั้น ได้แต่หลบเลี่ยงและถอยเพื่อตั้งรับเป็นหลัก สวรรค์ใช้คุณไสยจัดระเบียบบริเวณรอบนอกของเรือนขึ้นมาใหม่ อีกทั้งในบ้านยังมีสนอีกคนที่จนบัดนี้ก็ยังไม่โผล่หน้ามา พวกเขาคิดหนีตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว การต่อสู้วันนี้ เห็นทีไม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ต้องตายกันไปข้าง เขมทัตรับมือกับหุ่นยาอีกตัวโดยไม่ตกเป็นรอง แต่ในสายตาของสวรรค์ พวกเขากลายเป็นหมูในอวย ไม่ช้าก็เร็วต้องหมดแรงและตายอยู่ตรงนี้ ที่จริงหากไม่ใช่เพราะท่านปาปียัสถูกใจร่างตงจื้อ และต้องการนำอีกฝ่ายมาเป็นภาชนะอาศัยชั่วคราวก่อนจะฟื้นคืนชีพแล้วละก็ ป่านนี้เขาคงปล่อยศพนับพันแมลงนับหมื่นออกมากัดกินสองคนนี้ให้สิ้นซากไปแล้ว ไหนเลยจะปล่อยคนพวกนี้ไว้ที่นี่แล้วค่อยกำจัดอย่างช้า ๆ เสียงคำรามดังขึ้นฉับพลันในจังหวะนั้นเอง “ศัตรูฉันอยู่ไหน!” ไม่ทันขาดคำ ศีรษะหนึ่งก็ลอยออกจากตัวบ้าน พุ่งมาด้วยความเร็วสูง แต่กลับชะงักงันกลางอากาศ นัยน์ตาคู่ที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยกลอกอย่างเชื่องช้า กวาดผ่านเขมทัตและหุ่นยาไป สุดท้ายตกลงบนร่างตงจื้อ ร่างนั้นต่อให้สลายกลายเป็นเถ้าถ่าน ยามาโมโตะ คิโยชิ ก็จำได้ “ตง…จื้อ!” ยามาโมโตะ คิโยชิ ที่เหลือเพียงศีรษะ แม้ในยามหลับฝันก็ไม่มีทางลืมเลือนประสบการณ์ดุจฝันร้ายของตนในลู่เฉิง คนยโสโอหังอย่างเขากลับต้องมาถูกสังหารด้วยกระบี่ของผู้ที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนาม หากตอนนั้นไม่ได้เตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้ ป่านนี้เขาคงกลายเป็นคนตายจริง ๆ ไปแล้ว ตาเขาแดงก่ำเมื่อได้พบศัตรู นับประสาอะไรกับศัตรูที่สังหารตนด้วยแล้ว ใบหน้ายามาโมโตะ คิโยชิ บิดเบี้ยว หลังตั้งเป้าแล้วก็พุ่งตรงไปที่ตงจื้อทันที เขมทัตอุทานด้วยความตื่นตระหนกอย่างอดไม่ได้ “คุณไสยถอดหัว!” คุณไสยถอดหัวเป็นวิชาไสยศาสตร์อย่างหนึ่งที่มีความซับซ้อนและฝึกฝนยากอย่างยิ่ง ว่ากันว่าหากนักไสยศาสตร์ฝึกวิชาไสยศาสตร์สำเร็จจะทำให้หัวของตนแยกออกจากร่าง และเอาชีวิตผู้ที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้ได้ นอกจากนี้โดยทั่วไปแล้วมันยังเป็นวิชาที่นักไสยศาสตร์มนตร์ดำฝักใฝ่ สินชัยจึงมองว่าเป็นอวิชชา ห้ามเขมทัตผู้เป็นลูกศิษย์ฝึกฝนเป็นอันขาด แต่ถ้าพูดกันจริง ๆ สภาพยามาโมโตะ คิโยชิ ตอนนี้ไม่อาจเรียกว่าใช้คุณไสยถอดหัวแต่อย่างใด เพราะเขาสูญเสียร่างกายไปแล้ว เหลือแค่หัวอย่างเดียว เป็นสนเองที่ใช้วิชาลับผนึกวิญญาณเขาไว้ในหัวและทำให้เขามีชีวิตต่อไปได้ เมื่อเห็นยามาโมโตะต้องการฆ่าตงจื้อโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน ทำท่าจะบดขยี้ศพเขาเป็นหมื่น […]
แฟ้มคดีกรมปราบปีศาจ 步天纲 (Bu Tian Gang) 梦溪石 เมิ่งซีสือ เขียน ลลิตา ธ. แปล นิยาย 6 เล่มจบ วางจำหน่ายแยกเล่ม —.—.—.—.—.—.—.—.—.— ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing …XOXO… มาดามโรส ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ บทที่ 117 หลังจากทั้งคณะเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ พวกหลงเซินก็ได้พบกับศรราม นักไสยศาสตร์ที่มาเข้าร่วมงานประชุมครั้งนี้ เขาเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งของสมาคมนักไสยศาสตร์มนตร์ขาวเช่นกัน ได้ยินว่าสถานะในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่ด้อยไปกว่าสินชัย แต่ที่ต่างไปจากสินชัยคือศรรามมีรูปร่างสูงใหญ่ ดู ๆ ไปแล้วเหมือนนักกีฬามากกว่า ไม่ใช่ปรมาจารย์นักไสยศาสตร์ เขาพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยคล่อง เขมทัตจึงรับหน้าที่เป็นล่ามอยู่ข้าง ๆ ผู้ที่มาจากทีม 51 เป็นรองหัวหน้าทีมชาวอเมริกัน ชื่อคาร์ลอส ดูเหมือนหลงเซินจะรู้จักอีกฝ่ายมาก่อน ทั้งคู่ไม่ได้พูดจาถ้อยทีถ้อยอาศัยเหมือนเพิ่งเจอกันครั้งแรก แต่คุยกันในห้องประชุมเล็กอยู่นานสองนาน แล้วค่อยย้ายไปปักหลักที่ห้องประชุมใหญ่ หลงเซินไม่ได้กันตงจื้อออกไป ตอนคุยส่วนตัวกับคาร์ลอสก็ให้เขาอยู่ฟังด้วย คาร์ลอสรู้จักหลงเซินพอสมควร หลังจากได้ยินหลงเซินแนะนำว่านี่คือลูกศิษย์ของตนก็อดกล่าวด้วยความแปลกใจไม่ได้ “ฉันได้ยินว่านายไม่เคยรับลูกศิษย์มาก่อน แต่คราวนี้ดันแหกกฎ เห็นทีพ่อหนุ่มคนนี้คงมีอะไรต่างออกไปจากคนอื่นละสิใช่ไหม” หลงเซินพยักหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะอธิบายอะไรให้อีกฝ่ายฟังเท่าไหร่ ถึงแม้ตอนนี้จะมีการร่วมมือระหว่างประเทศบ่อยครั้ง แต่ถึงยังไงพวกเขาก็มาจากคนละประเทศ และบอกไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ที่ต่างฝ่ายจะยืนอยู่ในจุดที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน อีกทั้งหลงเซินไม่มีแผนที่จะกระชับความสัมพันธ์กับผู้บำเพ็ญเพียรนอกประเทศให้ลึกซึ้งอะไร แต่คราวนี้ การแก้คุณไสยให้ตงจื้อ บุกไปฆ่าสนถึงรัง และกำจัดร่างอวตารของปาปียัสล้วนเป็นเรื่องเดียวกัน เขาจึงเล่าให้คาร์ลอสฟังคร่าว ๆ ก่อน คาร์ลอสมีสีหน้าผ่อนคลายมาตลอด สุดท้ายพอได้ยินว่ามีพลังของปีศาจฟ้าหลบหนีไปได้ เขาก็อดบ่นไม่ได้ “นายมองปาปียัสหนีรอดจากเงื้อมมือไปทั้งแบบนั้นโดยไม่ได้ขัดขวางเนี่ยนะ หลง นี่เหมือนไม่ใช่นายเลย!” หลงเซินบอกเสียงเรียบ “ตอนนั้นขวางไม่อยู่ ไม่งั้นนายก็ลองดูเองสิ” คาร์ลอสทำปากยื่น “ตอนที่พวกนายไปก็น่าจะเอาคนไปเพิ่มสักสองสามคน ไม่ก็แจ้งทีม 51 ล่วงหน้า ไม่ใช่ตัวเองเคลื่อนไหวไปก่อนแล้วค่อยมาบอกพวกเราทีหลังเหมือนตอนนี้” หลงเซินแค่นยิ้ม “สนกบดานอยู่ที่นั่นมาตั้งหลายสิบปี ทำไมไม่เห็นพวกนายสืบเจอเรื่องปาปียัสแล้วเข้าไปผดุงความยุติธรรมเลยล่ะ” คาร์ลอสพูดไม่ออกชั่วครู่ แต่แล้วก็หัวเราะแหะ ๆ “ไม่พูดแบบนี้สิ หลง ฉันล้อนายเล่น!” เขาเปลี่ยนสีหน้าภายในวินาทีเดียว ทำเอาตงจื้อทึ่งจัด แต่เห็นได้ว่าคาร์ลอสไม่ได้คิดว่าตนหน้าด้านหน้าทนอะไร “หลง นายก็รู้นี่ พวกเราทำงานให้เบื้องบนกันทั้งนั้น ตอนนี้มาเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้น ฉันก็ต้องกลับไปรายงานเหมือนกัน ที่นั่นอยู่ตรงไหน ไว้ฉันจะให้คนไปดู บางทีอาจเจออะไรบ้าง” […]
พายุจารชนแห่งหล่งซี 风起陇西 หม่าป๋อยง 马伯庸 เขียน เรืองชัย รักศรีอักษร แปล ท่ามกลางไฟสงครามแห่งยุคสมัยสามก๊ก ยังมีสมรภูมิที่พงศาวดารไม่ได้บันทึกไว้ นั่นคือสงครามแห่งจารชนของเหล่าสายลับผู้เปี่ยมปฏิภาณ เมื่อการข่าวรายงานว่ามีจารชนของแคว้นเว่ยแทรกซึมเข้าสู่ฮั่นจง เพื่อขโมยอาวุธสงครามของแคว้นสู่ นั่นคือเครื่องยิงหน้าไม้ ‘สวินสวี่’ หัวหน้ากองสันติบาลจึงออกคำสั่งให้คุ้มกันแบบร่าง เครื่องยิงหน้าไม้ และช่างฝีมือ จากการบุกรุกของศัตรูอย่างเข้มงวด ทว่ากองทัพกับกองสันติบาลกลับเอาแต่ระแวงซึ่งกันและกัน ไหนจะศิษย์พรรคใต้ดินของลัทธิข้าวสารห้าโต่วคอยป่วนปั่น ยังมี ‘หนู’ ตัวหนึ่งที่แฝงเร้นอยู่ในหมู่ขุนนางชั้นสูงของฮั่นจง …สายลับแคว้นเว่ยที่ใช้รหัสนามว่า ‘จู๋หลง’ สงครามใต้ดินนอกสมรภูมิรบระหว่างการข่าวกรองของสองแคว้น ภารกิจช่วงชิงและภารกิจพิทักษ์อาวุธล้ำค่าของแคว้นสู่นี้ มีเวลาเพียงสิบเอ็ดวันเท่านั้น! ต้นฉบับนี้ยังไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์ บทที่ 3 เสียสละกับแผนลับ รัชศกไท่เหอแห่งเว่ยปีที่สาม วันที่สิบสามเดือนสอง เฉินกงไม่ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับการเสียชีวิตของไป๋ตี้มากเกินไป การตายของเพื่อนร่วมงานเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและเจ็บปวด แต่ต้องไม่ให้กระทบต่องาน ไป๋ตี้จากไปแล้ว แต่ยังมีเอกสารส่วนหนึ่งเก็บไว้ในที่ลับ ทั้งนี้เพราะตำแหน่งไป๋ตี้ในจวนเจ้าเมืองคือรองแม่ทัพตูเว่ย ช่วยแม่ทัพตูเว่ยดูแลกองทหารของเขตเทียนสุ่ย แม้จะเป็นเพียงกองทัพท้องถิ่น ไม่ใช่กองทัพศูนย์กลาง แต่ก็ได้ข่าวกรองที่เป็นประโยชน์มาก บนพื้นฐานนี้ เฉินกงตัดสินใจจะเอาเอกสารเหล่านี้มาให้ได้ นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปลอบดวงวิญญาณไป๋ตี้ วันนี้ห้องหัวหน้าอาลักษณ์มีงานยุ่งเป็นพิเศษ สาเหตุส่วนหนึ่งเพราะเจียนจวินซือหม่ากัวกังต้องการตรวจทะเบียนราษฎร์ของทุกคนที่อยู่ในร้านเหล้าหนิวจี้เมื่อวาน […]
พายุจารชนแห่งหล่งซี 风起陇西 หม่าป๋อยง 马伯庸 เขียน เรืองชัย รักศรีอักษร แปล ท่ามกลางไฟสงครามแห่งยุคสมัยสามก๊ก ยังมีสมรภูมิที่พงศาวดารไม่ได้บันทึกไว้ นั่นคือสงครามแห่งจารชนของเหล่าสายลับผู้เปี่ยมปฏิภาณ เมื่อการข่าวรายงานว่ามีจารชนของแคว้นเว่ยแทรกซึมเข้าสู่ฮั่นจง เพื่อขโมยอาวุธสงครามของแคว้นสู่ นั่นคือเครื่องยิงหน้าไม้ ‘สวินสวี่’ หัวหน้ากองสันติบาลจึงออกคำสั่งให้คุ้มกันแบบร่าง เครื่องยิงหน้าไม้ และช่างฝีมือ จากการบุกรุกของศัตรูอย่างเข้มงวด ทว่ากองทัพกับกองสันติบาลกลับเอาแต่ระแวงซึ่งกันและกัน ไหนจะศิษย์พรรคใต้ดินของลัทธิข้าวสารห้าโต่วคอยป่วนปั่น ยังมี ‘หนู’ ตัวหนึ่งที่แฝงเร้นอยู่ในหมู่ขุนนางชั้นสูงของฮั่นจง …สายลับแคว้นเว่ยที่ใช้รหัสนามว่า ‘จู๋หลง’ สงครามใต้ดินนอกสมรภูมิรบระหว่างการข่าวกรองของสองแคว้น ภารกิจช่วงชิงและภารกิจพิทักษ์อาวุธล้ำค่าของแคว้นสู่นี้ มีเวลาเพียงสิบเอ็ดวันเท่านั้น! ต้นฉบับนี้ยังไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์ ต้นเรื่อง ชั่วขณะที่หวังซวงตระหนักว่าตนกำลังตกอยู่ในอันตราย ทุกอย่างก็สายไปแล้ว เริ่มแรกเขาสังเกตเห็นแสงไม่ปกติสว่างวาบอยู่สองฟากของเทือกเขา ไม่ใช่สะท้อนจากเสื้อเกราะหรือคมอาวุธแน่ ขอบเขตของแสงกว้าง น่าจะสะท้อนจากโลหะบางอย่าง ชั่วพริบตาก็มีเสียงทุ้มต่ำเป็นจังหวะช้า ๆ ดังกึกก้อง ฟังคล้ายเสียงลวดเหล็กที่ขึงตึงขึ้นเรื่อย ๆ ตามสัญชาตญาณของทหาร เขาได้กลิ่นแห่งลางร้ายแล้ว “หยุดไล่ตาม ที่นี่แคบมาก รีบถอยหลัง!” หวังซวงรั้งม้าหันกลับ ร้องตะโกนดังลั่น รอบตัวเขามีทหารม้าเว่ยก๊กประมาณพันคน เวลานี้กองทหารหน่วยนี้เข้าไปอยู่ในหุบเขาแคบ […]
พายุจารชนแห่งหล่งซี 风起陇西 หม่าป๋อยง 马伯庸 เขียน เรืองชัย รักศรีอักษร แปล ท่ามกลางไฟสงครามแห่งยุคสมัยสามก๊ก ยังมีสมรภูมิที่พงศาวดารไม่ได้บันทึกไว้ นั่นคือสงครามแห่งจารชนของเหล่าสายลับผู้เปี่ยมปฏิภาณ เมื่อการข่าวรายงานว่ามีจารชนของแคว้นเว่ยแทรกซึมเข้าสู่ฮั่นจง เพื่อขโมยอาวุธสงครามของแคว้นสู่ นั่นคือเครื่องยิงหน้าไม้ ‘สวินสวี่’ หัวหน้ากองสันติบาลจึงออกคำสั่งให้คุ้มกันแบบร่าง เครื่องยิงหน้าไม้ และช่างฝีมือ จากการบุกรุกของศัตรูอย่างเข้มงวด ทว่ากองทัพกับกองสันติบาลกลับเอาแต่ระแวงซึ่งกันและกัน ไหนจะศิษย์พรรคใต้ดินของลัทธิข้าวสารห้าโต่วคอยป่วนปั่น ยังมี ‘หนู’ ตัวหนึ่งที่แฝงเร้นอยู่ในหมู่ขุนนางชั้นสูงของฮั่นจง …สายลับแคว้นเว่ยที่ใช้รหัสนามว่า ‘จู๋หลง’ สงครามใต้ดินนอกสมรภูมิรบระหว่างการข่าวกรองของสองแคว้น ภารกิจช่วงชิงและภารกิจพิทักษ์อาวุธล้ำค่าของแคว้นสู่นี้ มีเวลาเพียงสิบเอ็ดวันเท่านั้น! ต้นฉบับนี้ยังไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์ บทที่ 4 แผนลับกับปฏิบัติการ รายงานของเฉินกงมาถึงสำนักข่าวกรองสู่ก๊กหลังจากนั้นอีกสิบวัน ตรงกับวันที่ยี่สิบสี่เดือนสอง แม้ว่าเว่ยก๊กและสู่ก๊กจะเป็นศัตรูกัน แต่ด้านการค้าขายกลับไม่อาจมองข้ามอีกฝ่ายหนึ่ง เว่ยก๊กต้องการเกลือสินเธาว์ ผ้าสู่ ขิงสู่จากเมืองอี้โจว ส่วนสู่ก๊กต้องการยา หนังสัตว์ เครื่องหอมและงานหัตถกรรม จึงมีพ่อค้ากลุ่มเล็ก ๆ เดินทางไปมาสองฟากของเทือกเขาฉินหลิ่ง เรื่องนี้ทหารป้องกันชายแดนของทั้งสองแคว้นจึงเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ปล่อยให้มีการติดต่อค้าขายแบบนี้ สายของสู่ก๊กจึงปะปนอยู่กับกลุ่มพ่อค้า จากซั่งกุยลงใต้ ผ่านเมืองหลี่เฉิง […]
พายุจารชนแห่งหล่งซี 风起陇西 หม่าป๋อยง 马伯庸 เขียน เรืองชัย รักศรีอักษร แปล ท่ามกลางไฟสงครามแห่งยุคสมัยสามก๊ก ยังมีสมรภูมิที่พงศาวดารไม่ได้บันทึกไว้ นั่นคือสงครามแห่งจารชนของเหล่าสายลับผู้เปี่ยมปฏิภาณ เมื่อการข่าวรายงานว่ามีจารชนของแคว้นเว่ยแทรกซึมเข้าสู่ฮั่นจง เพื่อขโมยอาวุธสงครามของแคว้นสู่ นั่นคือเครื่องยิงหน้าไม้ ‘สวินสวี่’ หัวหน้ากองสันติบาลจึงออกคำสั่งให้คุ้มกันแบบร่าง เครื่องยิงหน้าไม้ และช่างฝีมือ จากการบุกรุกของศัตรูอย่างเข้มงวด ทว่ากองทัพกับกองสันติบาลกลับเอาแต่ระแวงซึ่งกันและกัน ไหนจะศิษย์พรรคใต้ดินของลัทธิข้าวสารห้าโต่วคอยป่วนปั่น ยังมี ‘หนู’ ตัวหนึ่งที่แฝงเร้นอยู่ในหมู่ขุนนางชั้นสูงของฮั่นจง …สายลับแคว้นเว่ยที่ใช้รหัสนามว่า ‘จู๋หลง’ สงครามใต้ดินนอกสมรภูมิรบระหว่างการข่าวกรองของสองแคว้น ภารกิจช่วงชิงและภารกิจพิทักษ์อาวุธล้ำค่าของแคว้นสู่นี้ มีเวลาเพียงสิบเอ็ดวันเท่านั้น! ต้นฉบับนี้ยังไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์ บทที่ 5 ปฏิบัติการกับสืบค้น ขณะที่หลี่อันเดินทางมาถึงซีเซียงนั้น สวินสวี่จัดแบ่งงานในกองสันติบาลเรียบร้อยแล้ว หนังสือราชการด่วนซึ่งมีข้อความ ‘ป้องกันคนร้ายแฝงตัวเข้ามา ตรวจใบแสดงตัวอย่างเข้มงวด’ ถูกส่งไปยังด่านทุกเมืองอย่างรวดเร็วที่สุด ที่ผ่านหน้าหลี่อันเมื่อครู่ก็เป็นม้าเร็วอีกตัวหนึ่ง ทุกหมู่บ้านทุกอำเภอรอบอำเภอเหมี่ยนได้รับคำสั่งให้ตรวจสอบทะเบียนราษฎร์ใหม่ ต้องระวังป้องกันคนแปลกหน้าที่ความเป็นมาไม่ชัดเจน กองสันติบาลยังส่งเจ้าหน้าที่ปลอมตัวเป็นราษฎรไปแฝงตัวตามเส้นทางหลักและเมืองสำคัญ นอกจากนี้ยังส่ง ‘นักพรต’ ที่เก่งกาจหลายคนไปแฝงตัวตามจุดพักม้าและโรงเตี๊ยม แต่การดำเนินงานของกองสันติบาลเกิดสภาพที่เข้มงวดทางเหนือผ่อนปรนทางใต้ เพราะคิดว่าศัตรูคงจะมาทางทิศเหนือ หลังจากมอบหมายงานทั้งหมดเรียบร้อย สวินสวี่ให้ทหารยามคนหนึ่งมุ่งหน้าไปกองข่าวกรองเพื่อรับจดหมายจากหม่าซิ่นที่สำนักสาขายงเหลียง […]