Category Archives: ทดลองอ่าน

[ทดลองอ่าน] ยุคสมัยแห่งธิดาอ๋อง เล่ม 2 บทที่ 51

ยุคสมัยแห่งธิดาอ๋อง 王女韶华   溪畔茶 ซีพั่นฉา เขียน ภวิษย์พร แปล   — โปรย — ใครว่าการเป็นซื่อจื่อน้อยแห่งนครอวิ๋นหนานนั้นแสนสบาย คงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเข้าใจ ว่าการจะรักษาตำแหน่ง “ซื่อจื่อ” ไว้ไม่ใช่เรื่องง่าย มู่หยวนอวี๋จำต้องเดินทางไกล จากบ้านเกิดเมืองนอนมาอยู่ในเมืองหลวง เพื่อรักษาความลับที่สำคัญและยื้อชีวิตของตน แต่ก็เหมือนโชคชะตาเล่นตลก เมื่อบิดาเรียกตัวมู่หยวนอวี๋กลับอวิ๋นหนานบ้านเกิด การมาอยู่เมืองหลวงครั้งนี้จะเสียเปล่าหรือไม่ แผนการในชีวิตของมู่หยวนอวี๋จะเป็นอย่างไร ใครเล่าจะรู้ … _______________________________   ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“ สำนักพิมพ์อรุณ   (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)   บทที่ 51   หนังสือโต้แย้งของมู่หยวนอวี๋วางอยู่บนโต๊ะมังกรของฮ่องเต้ ฮ่องเต้อ่านแล้วก็นิ่งคิดไปพักหนึ่ง “วังไหวจง ไปหยิบกล่องใบนั้นมา” ข้างฝ่ามือของฮ่องเต้วางหนังสือโต้แย้งของมู่หยวนอวี๋และหนังสือร้องเรียนของหวาหมิ่นเอาไว้ วังไหวจงรู้ดีว่าเขาต้องการกล่องใบไหน จึงเดินไปหยิบเงียบๆโดยไม่ถามให้มากความอีก เสียงกริ๊กดังขึ้นหนึ่งครั้ง กุญแจที่คล้องอยู่ถูกดึงออก กล่องที่เปิดอ้าถูกยื่นมาตรงหน้าฮ่องเต้ มือของฮ่องเต้วางลงบนจดหมายลับที่อยู่ด้านใน แต่กลับเปลี่ยนใจไม่หยิบมาอ่าน แค่หันไปพูดกับวังไหวจงว่า “เป็นฉู่โหย่วเซิงที่ตาไม่มีแวว หรือเป็นเพราะบุตรชายคนเล็กตระกูลมู่ห่างไกลจากการดูแลของพ่อแม่ จึงเป็นดั่งการปลูกส้มที่ไหวเป่ยกลายเป็นต้นจือ[1]” วังไหวจงอายุเกือบห้าสิบปีแล้ว ได้ยินคำถามของเขาก็คลี่ยิ้มเผยให้เห็นริ้วรอยเล็กๆตรงหางตาและมุมปาก “ฝ่าบาททรงให้ความสนพระทัยจริงๆ […]

[ทดลองอ่าน] หุบเขาคร่าวิญญาณ บทที่ 5 สหายร่วมทุกข์

生死谷 หุบเขาคร่าวิญญาณ 鄭丰เจิ้งฟง เขียน HUNZA แปล   โปรย หุบเขาเร้นลับที่ปราศจากทางออก เหล่าเด็กน้อยถูกพาตัวมารับการฝึกฝนอันแสนโหดเหี้ยม เพื่อให้พวกเขาเติบใหญ่กลายเป็นนักฆ่า เป็นอาวุธสังหารที่กุมความเป็นไปของแว่นแคว้น ในยุคที่แผ่นดินระส่ำระส่ายนี้ เผยรั่วหลัน คุณหนูหกแห่งจวนขุนนาง เสี่ยวหูจื่อ บุตรชายเพียงคนเดียวของเสนาบดีอู่ แม้มีชาติกำเนิดสูงส่ง หากแต่เด็กทั้งสอง กลับถูกลักพามาได้อย่างง่ายดาย ไม่พ้นต้องตกลงสู่นรกไร้ปราณี ที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงพวกเขาไป พี่น้องสองร้อยคน ด่านทั้งสาม มีเพียงแปดคนเท่านั้นที่จะได้กลับบ้าน!   ต้นฉบับนี้ยังไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์   บทที่ 5 สหายร่วมทุกข์   เผยรั่วหลันไม่รู้ว่าตนเองมายังหุบเขาแห่งนี้ได้อย่างไร นางถูกวางยาสลบแล้วพาตัวมาไม่ต่างจากเด็กอีกสิบหกคนในรถม้าที่เสี่ยวหูจื่อนั่งมา เมื่อฟื้นขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตนเองอยู่ในหุบเขาที่ไม่คุ้นเคยเสียแล้ว นางจำได้ราง ๆ ถึงคืนวันนั้นว่านั่งท่องตำรา ‘สมบัติกุลสตรี’ อย่างเกียจคร้านอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือในห้องนอน นางหาวแล้วหาวอีกจนตัดสินใจเข้านอน จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเย็น ๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง นางหันกลับไปดูด้วยความตกใจเห็นหญิงชรายืนอยู่ที่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ หากสายตาที่มองมาเย็นชายิ่งนัก เผยรั่วหลันคิดว่าตนเองกำลังฝันไปหรือไม่ก็ถูกผีหลอก กำลังจะลุกขึ้นยืนพลันเวียนหัวตาลาย หมดความรู้สึกไปทันที ระหว่างนั้นนางคล้ายกับเห็นคนแปลกหน้าสองคนยืนอยู่ คนหนึ่งเป็นชายสวมชุดนักพรตสีดำทั้งชุด ใบหน้าเหลืองซีด […]

[ทดลองอ่าน] หุบเขาคร่าวิญญาณ บทที่ 6 ผ่านด่าน

生死谷 หุบเขาคร่าวิญญาณ 鄭丰เจิ้งฟง เขียน HUNZA แปล   โปรย หุบเขาเร้นลับที่ปราศจากทางออก เหล่าเด็กน้อยถูกพาตัวมารับการฝึกฝนอันแสนโหดเหี้ยม เพื่อให้พวกเขาเติบใหญ่กลายเป็นนักฆ่า เป็นอาวุธสังหารที่กุมความเป็นไปของแว่นแคว้น ในยุคที่แผ่นดินระส่ำระส่ายนี้ เผยรั่วหลัน คุณหนูหกแห่งจวนขุนนาง เสี่ยวหูจื่อ บุตรชายเพียงคนเดียวของเสนาบดีอู่ แม้มีชาติกำเนิดสูงส่ง หากแต่เด็กทั้งสอง กลับถูกลักพามาได้อย่างง่ายดาย ไม่พ้นต้องตกลงสู่นรกไร้ปราณี ที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงพวกเขาไป พี่น้องสองร้อยคน ด่านทั้งสาม มีเพียงแปดคนเท่านั้นที่จะได้กลับบ้าน!   ต้นฉบับนี้ยังไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์   บทที่ 6 ผ่านด่าน   ไม่นานนัก การทดสอบเพื่อผ่านด่านแรกก็เริ่มขึ้น เช้าตรู่วันหนึ่งในช่วงปลายฤดูร้อนใกล้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง หัวหน้าหมู่พาเด็กทั้งสองร้อยคนมายืนอยู่กลางลานกว้างในหุบเขา ตอนนั้นเผยรั่วหลันอยู่ในหุบเขามาได้ประมาณหกเดือน นางเห็นเส้นสีแดงสดกว้างประมาณสามนิ้วขีดอยู่บนพื้น เด็ก ๆ ก้มหน้ามองเส้นสีแดงอย่างสงสัย ต่างคนต่างเดาไปในความเงียบงันว่าเส้นสีแดงนี้ใช้สำหรับทำอะไร หัวหน้าหมู่คนหนึ่งยืนเผชิญหน้ากับเด็ก ๆ ทั้งหลาย ประกาศด้วยเสียงอันดังว่า “กฎการทดสอบด่านที่หนึ่งมีดังนี้  เมื่อข้าส่งสัญญาณ พี่น้องทุกคนจะต้องวิ่งข้ามเส้นสีแดงเส้นนี้ ไปจนถึงหน้าผาที่อยู่ริมหุบเขา ว่ายน้ำข้ามลำธาร ปีนขึ้นไปจนถึงที่ราบบนหน้าผา หยิบลูกสนมาหนึ่งลูกแล้วค่อยปีนลงมาวิ่งกลับมายังเส้นสีแดงนี้ตามเดิม คนที่กลับเข้ามาถึงเส้นสีแดงสามสิบหกคนแรก […]

[ทดลองอ่าน] หุบเขาคร่าวิญญาณ บทที่ 4 ช่วยเหลือกัน

生死谷 หุบเขาคร่าวิญญาณ 鄭丰เจิ้งฟง เขียน HUNZA แปล   โปรย หุบเขาเร้นลับที่ปราศจากทางออก เหล่าเด็กน้อยถูกพาตัวมารับการฝึกฝนอันแสนโหดเหี้ยม เพื่อให้พวกเขาเติบใหญ่กลายเป็นนักฆ่า เป็นอาวุธสังหารที่กุมความเป็นไปของแว่นแคว้น ในยุคที่แผ่นดินระส่ำระส่ายนี้ เผยรั่วหลัน คุณหนูหกแห่งจวนขุนนาง เสี่ยวหูจื่อ บุตรชายเพียงคนเดียวของเสนาบดีอู่ แม้มีชาติกำเนิดสูงส่ง หากแต่เด็กทั้งสอง กลับถูกลักพามาได้อย่างง่ายดาย ไม่พ้นต้องตกลงสู่นรกไร้ปราณี ที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงพวกเขาไป พี่น้องสองร้อยคน ด่านทั้งสาม มีเพียงแปดคนเท่านั้นที่จะได้กลับบ้าน!   ต้นฉบับนี้ยังไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์   บทที่ 4  ช่วยเหลือกัน   การห้ามคุยกันเป็นกฎสำคัญที่ต้องทำตามอย่างเคร่งครัด เสี่ยวหูจื่อมาถึงหุบเขาเป็นวันที่สามก็เห็นเด็กสองคนถูกถอดเสื้อผ้า จับแขวนมัดมือมัดเท้าอยู่บนต้นไม้ มีผ้าคาดเอวสีขาวผูกปากเอาไว้ หัวหน้าหมู่คนหนึ่งประกาศความผิดพวกเขาว่า “พี่น้องสองคนนี้แอบคุยเมื่อคืนแล้วถูกหัวหน้าหมู่พบเข้าจึงลงโทษด้วยการโบยแส้สิบครั้ง ถ้าใครยังกล้าทำผิดซ้ำอีกจะต้องถูกลงโทษเยี่ยงนี้”  เขาโบยเด็กทั้งสองคนต่อหน้าเด็กคนอื่น ๆ ทั้งหมดสิบครั้ง เนื้อตัวของเด็กสองคนปริแตก เลือดไหลเต็มตัว เด็กคนอื่น ๆ ได้แต่มองดูด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนก พวกเขารู้แต่ว่าจะต้องระมัดระวังตัวให้ดี อย่าได้พูดคุยกับเขา เสี่ยวหูจื่อร้องไห้คิดถึงบ้านติดต่อกันอยู่หลายคืน แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า เขาค้นพบว่าการร้องไห้ไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น การใช้ชีวิตอยู่ในหุบเขานี้นานอีกหนึ่งวันเท่ากับดับความหวังที่จะกลับบ้านลงไปอีกหนึ่งวัน หลังจากผ่านไปได้สิบวัน […]

[ทดลองอ่าน] ยุคสมัยแห่งธิดาอ๋อง เล่ม 2 บทที่ 52

ยุคสมัยแห่งธิดาอ๋อง 王女韶华   溪畔茶 ซีพั่นฉา เขียน ภวิษย์พร แปล   — โปรย — ใครว่าการเป็นซื่อจื่อน้อยแห่งนครอวิ๋นหนานนั้นแสนสบาย คงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเข้าใจ ว่าการจะรักษาตำแหน่ง “ซื่อจื่อ” ไว้ไม่ใช่เรื่องง่าย มู่หยวนอวี๋จำต้องเดินทางไกล จากบ้านเกิดเมืองนอนมาอยู่ในเมืองหลวง เพื่อรักษาความลับที่สำคัญและยื้อชีวิตของตน แต่ก็เหมือนโชคชะตาเล่นตลก เมื่อบิดาเรียกตัวมู่หยวนอวี๋กลับอวิ๋นหนานบ้านเกิด การมาอยู่เมืองหลวงครั้งนี้จะเสียเปล่าหรือไม่ แผนการในชีวิตของมู่หยวนอวี๋จะเป็นอย่างไร ใครเล่าจะรู้ … _______________________________   ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“ สำนักพิมพ์อรุณ   (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)   บทที่ 52   อีกฟากหนึ่ง หลังจากที่มู่หยวนอวี๋ส่งจดหมายโต้แย้งไปได้สองวัน ฮ่องเต้ลงพระอักษรแล้วส่งกลับคืนไปยังสภาขุนนาง ในเวลานี้คนที่สนใจเนื้อหาของหนังสือโต้แย้งต่างก็สืบความจนรับรู้แน่ชัดแล้ว คนอื่นยังพอทำเนา ซื่อจื่อเตียนหนิงอ๋องแค่เข้าเมืองหลวงก็ถูกคนถวายฎีการ้องเรียน ไม่รู้ว่าตัวเขาเองกำเริบเสิบสานจริงๆ หรือไปขัดหูขัดตาใครเข้าจึงถูกใส่ร้าย คนส่วนใหญ่จึงแค่อยากรู้อยากเห็น มีเพียงฮูหยินเหวินกั๋วกงเท่านั้นที่แทบจะโมโหจนตาย เพราะในหนังสือโต้แย้งเอ่ยถึงนางอย่างชัดเจน มู่หยวนอวี๋กล่าวว่า ตนเพิ่งเข้าเมืองหลวงได้ไม่นาน ได้ไปเยี่ยมเยือนบ้านอื่นมาแค่สองครอบครัว คิดไม่ออกจริงๆว่าตัวเองไม่ให้ความเคารพผู้อาวุโสตั้งแต่เมื่อไหร่ มีเพียงเรื่องเดียวที่อาจพอเป็นไปได้ นั่นก็คือฮูหยินเหวินกั๋วกง แม้จะไม่แน่ใจนัก แต่ในเมื่อถูกร้องเรียน […]

[ทดลองอ่าน] เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น ตราบชั่วเวลาของคำโกหก / เเพรวสำนักพิมพ์

この嘘がばれないうちに เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น ตราบชั่วเวลาของคำโกหก คาวางุจิ โทชิคาซึ เขียน อภิวัฒน์ พวงไธสง เเปล ติดตามการวางจำหน่ายได้ที่เพจ แพรวสำนักพิมพ์ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)     1 เพื่อนสนิท   ชิบะ โกทาโร่ มีคำโกหกที่ปกปิดลูกสาวมายาวนานถึงยี่สิบสองปี   ฟิโอดอร์ ดอสโตเยฟสกี [1] นักประพันธ์ชาวรัสเซียกล่าวเอาไว้ว่า “เรื่องที่ยากที่สุดในชีวิต คือการมีชีวิตโดยไม่โกหก” ถึงจะบอกว่าเป็น “คำโกหก” แต่เป้าประสงค์ของมันก็ต่างกันออกไป คำโกหกเพื่อยกยอตน คำโกหกเพื่อหลอกลวงผู้อื่น หากมีคำโกหกที่ทำให้ผู้คนเจ็บปวด เช่นนั้น ย่อมมีคำโกหกที่ช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้ แต่อย่างไรก็ตาม โดยมากแล้ว ผู้คนมักนึกเสียใจกับคำโกหกของตนในภายหลัง โกทาโร่ก็เช่นเดียวกัน เขาเดินวนไปเวียนมาอยู่หน้าร้านกาแฟที่ลือกันว่าย้อนกลับไปสู่อดีตได้มามากกว่าสามสิบนาทีแล้ว ทุกครั้งที่นึกถึงคำโกหกของตัวเองขึ้นมา ปากก็บ่นงึมงำพึมพำ “ไม่ได้โกหกเพราะอยากโกหกซะหน่อย”   ร้านกาแฟซึ่งย้อนกลับไปในอดีตได้นั้น อยู่ห่างจากสถานีจินโบโจโดยใช้เวลาเดินไม่กี่นาที ในซอยลึกหลังตึกสำนักงานเรียงราย มีป้ายร้านขนาดเล็กเขียนกำกับ “ฟูนิคูลี ฟูนิคูลา” เพราะร้านตั้งอยู่ชั้นใต้ดิน หากไม่มีป้ายร้านติดอยู่ ก็คงไม่มีใครรู้ว่ามีร้านกาแฟอยู่ตรงนั้น โกทาโร่เดินลงบันไดไปหยุดยืนอยู่หน้าประตูร้านอยู่หลายหน ประตูไม้ประดับรูปสลักลึก ปากพลางบ่นพึมพำกับตัวเอง […]

[ทดลองอ่าน] ช่วงเวลาดีๆ ที่มีแต่รัก เล่ม 2 บทที่ 39

ช่วงเวลาดีๆ ที่มีแต่รัก 造作时光    เยว่เซี่ยเตี๋ยอิ่ง 月下蝶影 เขียน Hanza แปล   — โปรย — รัชทายาทรูปโฉมหล่อเหลาไร้ผู้ใดเทียม เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ แต่ถึงเขาหน้าตาดีเพียงใด้ก่งกาจเพียงใด ก็หักล้างกับนิสัยไม่ดีและปากร้ายไม่ได้ หญิงผู้ดีมีชาติตระกูล มีหรือจะอดทนกับความปากร้าย ที่สามารถฆ่าคนอย่างไร้รูปเช่นนั้น ว่ากันว่าแม้แต่สนมในวังหลวงทั้งหลายก็ยังมิอาจต่อกรกับรัชทายาท นับประสาอันใดกับพวกนางที่เป็นสาวน้อยที่มีพลังในการชิงดีชิงเด่นไม่เข้มแข็งพอ คิดดูอีกที เมื่อรัชทายาทถูกตาจ้องใจสตรีอ่อนแอขี้โรค นับว่านางเป็นเนื้อสมันที่เดินเข้าปากเสือ น่าจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี แม้ภายนอก ฮวาหลิวหลี อ่อนแอขี้โรค ทว่าแท้จริงนางเป็นสตรีที่น่าครั่นคร้ามยิ่ง ไม่ว่าฝ่ายใดที่พยายามลอบสังหารนาง กลับต้องแพ้ภัยตัวเอง จีหยวนซู่ บุรุษรูปงาม สูงศักดิ์ เป็นถึงรัชทายาทแคว้นจิ้น เขาถูกตาต้องใจนาง คอยปกป้องเอาใจนางเสมอ ต่อให้นางเข้มแข็งเพียงใดก็ยังพ่ายต่อเขา และที่สำคัญคือพ่ายต่อรูปโฉมบุรุษที่เป็นจุดอ่อนของนาง   _______________________________   ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“ สำนักพิมพ์อรุณ   (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)   39 ฮวาหลิวหลีรีบออกมายังห้องโถงอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ชั่วเวลาจิบชาครึ่งถ้วยก็มาถึงแล้ว นางสวมเสื้อกระโปรงชุดใหม่แปดส่วน แขนเสื้อกว้างถูกมัดด้วยผ้าาแพรให้ขึ้นมาถึงข้อศอก แค่เห็นก็รู้ว่านางทิ้งงานที่กำลังทำอยู่แล้วตรงมาที่นี่ […]

[ทดลองอ่าน] บันทึกวิญญาณพู่กัน เล่ม 2 บทที่ 4 ปัดกวาดที่ทางอย่างไร้ความหวาดระแวง (2)

บันทึกวิญญาณพู่กัน 七侯筆錄之筆靈   หม่าป๋อยง 马伯庸 หงลวี่เติง แปล   ‘หลัวจงเซี่ย’ เพิ่งรู้ว่ายังมีความซวยที่เป็นขั้นกว่าของการที่อยู่ๆ ก็ถูกมีดแทงอก นั่นก็คือการถูกพู่กันแทงอก! แน่นอนว่าเขาไม่ตาย แต่เรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเขาหลังจากนี้ ทำให้เขาสะบักสะบอมบอบช้ำทั้งกายใจจนแม้อยากตายก็ไม่ง่ายแล้ว . เด็กหนุ่มมหาวิทยาลัยที่ขี้เกียจไปวันๆ อย่างเขา อยู่ๆ ก็ได้ครอบครอง ‘พู่กันบัวคราม’ มรดกตกทอดของหลี่ไป๋ เซียนกวีแห่งประวัติศาสตร์ท่านนั้น นี่ทำให้เขาเข้าไปพัวพันกับเหล่าผู้คนแห่ง ‘สุสานพู่กัน’ และต้องเผชิญกับการต่อสู้เพื่อแย่งชิง พู่กันในตำนานมากมาย พร้อมผู้ครอบครองมาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขาอย่างไม่ว่างเว้น สุนทรีย์แห่งถ้อยคำและตัวอักษรกลับกลายเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ตระการตา . พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมหน้าที่ความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่อย่างนั้นหรือ งั้นหลัวจงเซี่ยคนนี้ก็จะทำทุกวิธีเพื่อปลดพู่กันอัปมงคลนี่ออกไป พลังที่ยิ่งใหญ่อะไรนั่น เขาไม่ต้องการ!   ต้นฉบับนี้ยังไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์   บทที่ 4 ปัดกวาดที่ทางอย่างไร้ความหวาดระแวง (2)   เหยียนเจิ้งมองสำรวจซ้ายขวา ผู้คนที่อยู่ในตู้โดยสารขบวนนี้อย่างน้อยก็น่าจะราวสี่สิบคน เขาไม่มีความสามารถในการระลึกจดจำภายในชั่วขณะ จึงจนปัญญาที่จะแยกแยะผู้โดยสารที่เพิ่งจะเบียดตัวเข้ามาในรถ หลวงจีนปีเตอร์ก็อับจนหนทางเช่นเดียวกัน พลังของเขาก็มาถึงขอบเขตเท่าที่จะทำได้แล้ว ภายใต้เสียงเอะอะบนรถไฟฟ้า แค่รักษาตำแหน่งของวิญญาณพู่กันเอาไว้ให้คงอยู่ก็ฝืนเต็มทนแล้ว “หรือว่าต้องให้พวกเราถามทีละคน” เหยียนเจิ้งเอ่ย “นั่นก็เท่ากับแหวกหญ้าให้งูตื่น ข้อได้เปรียบที่พวกเราครองไว้ในตอนนี้ก็คือฝ่ายตรงข้ามยังไม่รู้ว่าพวกเราตามรอยเขามา ฉะนั้นเขาจึงไม่กระตุ้นใช้ความสามารถของวิญญาณพู่กัน […]

[ทดลองอ่าน] บันทึกวิญญาณพู่กัน เล่ม 2 บทที่ 6 ใช้นกครามคาบสารไปบอก (2)

บันทึกวิญญาณพู่กัน 七侯筆錄之筆靈   หม่าป๋อยง 马伯庸 หงลวี่เติง แปล   ‘หลัวจงเซี่ย’ เพิ่งรู้ว่ายังมีความซวยที่เป็นขั้นกว่าของการที่อยู่ๆ ก็ถูกมีดแทงอก นั่นก็คือการถูกพู่กันแทงอก! แน่นอนว่าเขาไม่ตาย แต่เรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเขาหลังจากนี้ ทำให้เขาสะบักสะบอมบอบช้ำทั้งกายใจจนแม้อยากตายก็ไม่ง่ายแล้ว . เด็กหนุ่มมหาวิทยาลัยที่ขี้เกียจไปวันๆ อย่างเขา อยู่ๆ ก็ได้ครอบครอง ‘พู่กันบัวคราม’ มรดกตกทอดของหลี่ไป๋ เซียนกวีแห่งประวัติศาสตร์ท่านนั้น นี่ทำให้เขาเข้าไปพัวพันกับเหล่าผู้คนแห่ง ‘สุสานพู่กัน’ และต้องเผชิญกับการต่อสู้เพื่อแย่งชิง พู่กันในตำนานมากมาย พร้อมผู้ครอบครองมาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขาอย่างไม่ว่างเว้น สุนทรีย์แห่งถ้อยคำและตัวอักษรกลับกลายเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ตระการตา . พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมหน้าที่ความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่อย่างนั้นหรือ งั้นหลัวจงเซี่ยคนนี้ก็จะทำทุกวิธีเพื่อปลดพู่กันอัปมงคลนี่ออกไป พลังที่ยิ่งใหญ่อะไรนั่น เขาไม่ต้องการ!   ต้นฉบับนี้ยังไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์   บทที่ 6 ใช้นกครามคาบสารไปบอก (2)   เหยียนเจิ้งหยิบสมุดบันทึกจากมือของหลัวจงเซี่ยมาอ่านหนึ่งรอบ จากนั้นก็ต้องเก็บทีท่าอันครื้นเครงของตนกลับไปเช่นกัน แสดงสีหน้าเคร่งเครียดที่ยากจะเผยออกมา ตบปากของตัวเองอยู่นาน และเอ่ยออกมาแค่ประโยคเดียว “เขาคนนี้คือคนที่สุดยอดจริง ๆ” นี่คงเป็นคำวิจารณ์อันทรงคุณค่าที่สุดที่เหยียนเจิ้งมีต่อผู้คน หลวงจีนปีเตอร์สองมือพนม เอ่ยคำพระแก่ผู้ตายอย่างนิ่งสงบ ทว่าคิ้วขมวดมุ่น ความคิดของเขากลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง “เหวยซื่อหรันรึ” […]

[ทดลองอ่าน] ช่วงเวลาดีๆ ที่มีแต่รัก เล่ม 2 บทที่ 40

ช่วงเวลาดีๆ ที่มีแต่รัก 造作时光    เยว่เซี่ยเตี๋ยอิ่ง 月下蝶影 เขียน Hanza แปล   — โปรย — รัชทายาทรูปโฉมหล่อเหลาไร้ผู้ใดเทียม เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ แต่ถึงเขาหน้าตาดีเพียงใด้ก่งกาจเพียงใด ก็หักล้างกับนิสัยไม่ดีและปากร้ายไม่ได้ หญิงผู้ดีมีชาติตระกูล มีหรือจะอดทนกับความปากร้าย ที่สามารถฆ่าคนอย่างไร้รูปเช่นนั้น ว่ากันว่าแม้แต่สนมในวังหลวงทั้งหลายก็ยังมิอาจต่อกรกับรัชทายาท นับประสาอันใดกับพวกนางที่เป็นสาวน้อยที่มีพลังในการชิงดีชิงเด่นไม่เข้มแข็งพอ คิดดูอีกที เมื่อรัชทายาทถูกตาจ้องใจสตรีอ่อนแอขี้โรค นับว่านางเป็นเนื้อสมันที่เดินเข้าปากเสือ น่าจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี แม้ภายนอก ฮวาหลิวหลี อ่อนแอขี้โรค ทว่าแท้จริงนางเป็นสตรีที่น่าครั่นคร้ามยิ่ง ไม่ว่าฝ่ายใดที่พยายามลอบสังหารนาง กลับต้องแพ้ภัยตัวเอง จีหยวนซู่ บุรุษรูปงาม สูงศักดิ์ เป็นถึงรัชทายาทแคว้นจิ้น เขาถูกตาต้องใจนาง คอยปกป้องเอาใจนางเสมอ ต่อให้นางเข้มแข็งเพียงใดก็ยังพ่ายต่อเขา และที่สำคัญคือพ่ายต่อรูปโฉมบุรุษที่เป็นจุดอ่อนของนาง   _______________________________   ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“ สำนักพิมพ์อรุณ   (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)   40   ฮวาหลิวหลีหุบปากที่อ้าออกครึ่งหนึ่งลง แล้วถอยหลังก้าวหนึ่งเงียบๆ “นั่นสิ แม้คุณหนูหลินไม่ทาแป้งก็ยังเป็นหญิงงามที่หาได้ยากยิ่ง […]

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า