老婆粉了解一下 รู้ไว้ซะ ฉันนี่แหละแฟนคลับตัวแม่ ชุนเตาหาน เขียน เสี่ยวฝาน แปล — โปรย — กระจกเงาแบบตั้งพื้นสะท้อนภาพหญิงสาวตรงหน้าซึ่งมีใบหน้าขาวซีด ผมยาวม้วนงอเล็กน้อยในระดับอก ใบหน้านี้เป็นใบหน้าที่ครั้งหนึ่งเธอเคยชิงชัง เธอก้มศีรษะลงโค้งคำนับสามครั้ง “เซิ่งเฉียว ฉันขอโทษนะ” ขอโทษที่เมื่อก่อนฉันโจมตีเธอตามใจชอบโดยไม่รู้อะไรเลย ขอโทษที่ฉันรัวแป้นพิมพ์แบบไม่รับผิดชอบ ทำให้เธอต้องเจ็บปวด ขอโทษที่โลกออนไลน์ทำลายเธออย่างโหดร้ายไปตามกระแสสังคม ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงหายตัวไป อาจเป็นเพราะเธอแบกรับความโหดร้ายของโลกใบนี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว และฉันก็เป็นหนึ่งในผู้ร้ายเสียด้วย ฉันจะแก้ไขปัญหาทุกอย่างเอง ฉันจะทำให้ชีวิตที่มืดมนของเธอได้พบกับแสงสว่าง _______________________________ ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“ สำนักพิมพ์อรุณ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) 1 เมื่อดาราชายผู้โด่งดังคับฟ้าอย่างฮั่วซีจะไปร่วมงานกิจกรรมที่ชีเคอซงในคืนพรุ่งนี้ เหล่าแฟนคลับจึงแห่แหนกันไปต้อนรับเขาที่สนามบินอย่างไม่ขาดสาย ในฐานะที่เป็นแม่ไซต์[1]และเป็นแม่ยก[2]ระดับอาวุโสที่กล้าสถาปนาตนเองเป็นภรรยาของฮั่วซี เฉียวเฉียวจึงแบกกล้องถ่ายรูปแล้วออกจากบ้านไป… เมื่อขึ้นมาบนรถเธอก็เลื่อนดูเวยปั๋ว[3]ก่อนจะพบว่า “เซิ่งเฉียว” ติดอันดับคำค้นหายอดนิยมอีกครั้ง ถ้าถามว่าเฉียวเฉียวเกลียดใครที่สุดในวงการบันเทิง แน่นอนว่าไม่มีทางเป็นใครอื่นไปได้นอกจากดาราสาวที่ชื่อเซิ่งเฉียว! ดาราสาวผู้นี้อาศัยชื่อว่าเป็น “รุ่นน้องของฮั่วซี” เปิดตัวเข้าสู่วงการครั้งแรกผ่านรายการเรียลิตี้ประเภทถ่ายทำนอกสถานที่ ทั้งๆ ที่ไม่มีผลงานอะไรโดดเด่น จากนั้นมาเธอก็เริ่มวิถีมนุษย์เอาแต่ใจที่ชอบเสแสร้งแกล้งทำเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ เดิมทีหล่อนก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับฮั่วซีหรอก เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงดาราดังระดับแนวหน้าที่มียอดแฟนคลับในเวยปั๋วกว่าเจ็ดสิบล้านคน ในขณะที่หล่อนเป็นเพียงดาราสาวหน้าใหม่ที่ไม่ได้มีผลงานโดดเด่นนัก นอกจากจะเป็นศิลปินในสังกัดเดียวกันแล้ว ทั้งสองคนก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย […]
Author Archives: AMARINBOOKS TEAM
老婆粉了解一下 รู้ไว้ซะ ฉันนี่แหละแฟนคลับตัวแม่ ชุนเตาหาน เขียน เสี่ยวฝาน แปล — โปรย — กระจกเงาแบบตั้งพื้นสะท้อนภาพหญิงสาวตรงหน้าซึ่งมีใบหน้าขาวซีด ผมยาวม้วนงอเล็กน้อยในระดับอก ใบหน้านี้เป็นใบหน้าที่ครั้งหนึ่งเธอเคยชิงชัง เธอก้มศีรษะลงโค้งคำนับสามครั้ง “เซิ่งเฉียว ฉันขอโทษนะ” ขอโทษที่เมื่อก่อนฉันโจมตีเธอตามใจชอบโดยไม่รู้อะไรเลย ขอโทษที่ฉันรัวแป้นพิมพ์แบบไม่รับผิดชอบ ทำให้เธอต้องเจ็บปวด ขอโทษที่โลกออนไลน์ทำลายเธออย่างโหดร้ายไปตามกระแสสังคม ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงหายตัวไป อาจเป็นเพราะเธอแบกรับความโหดร้ายของโลกใบนี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว และฉันก็เป็นหนึ่งในผู้ร้ายเสียด้วย ฉันจะแก้ไขปัญหาทุกอย่างเอง ฉันจะทำให้ชีวิตที่มืดมนของเธอได้พบกับแสงสว่าง _______________________________ ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“ สำนักพิมพ์อรุณ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) 2 ฮั่วซีพาเฉียวเฉียวกลับบ้าน เขารินน้ำอุ่นใส่แก้วให้เธอ แล้วนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม เธอยังคงร้องไห้จนไหล่สั่น ร้องไปก็มองไปรอบๆ ก่อนที่สายตาจะหยุดลงตรงชายหนุ่ม เธอหลับตาลงแล้วเอ่ยเสียงแผ่วด้วยความประหลาดใจ “ฮั่วซี…” เขาใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางมองเธอ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ตีความไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร “เซิ่งเฉียว คุณคิดจะทำอะไรอีก” ทันทีที่ได้ยินอีกฝ่ายเรียกตนว่าเซิ่งเฉียว น้ำตาก็ไหลพรากเป็นเขื่อนแตกอีกครั้ง ฮั่วซี “…” เธอร้องไห้อยู่อย่างนั้นสักพัก แล้วทำท่าเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก จึงเงยหน้าถาม “ฮั่วซี […]
ให้ร้านหนังสือนำทางรัก ประชาคม ลุนาชัย เขียน ติดตามการวางจำหน่ายได้ที่เพจ แพรวสำนักพิมพ์ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) ภาคหนึ่ง สะพาน สายน้ำ และความตาย ชายชราใต้สะพาน สะพานแขวนโยกตัวไปตามแรงกระหน่ำของพายุฝน แสงไฟหม่นมัวคล้ายสาดส่องจากใต้ผิวน้ำ ฝนกระหน่ำหนัก ลมแรงฉีกกระชากกิ่งไม้ใหญ่ริมน้ำหล่นกระทบพื้นชายฝั่ง กลางความมืดใต้สะพาน ดวงตาชราคู่หนึ่งเบิกกว้าง แกสะดุ้งตื่นกับเสียงรบกวนรอบข้าง ไม่อาจข่มตาหลับ ระแวงระดับน้ำอาจล้นตลิ่งแล้วรุกคืบท่วมถึงที่นอน แกผุดลุกนั่งแล้วจ่อมมองสายฝน ยาวนานจนกระทั่งแสงสลัวแห่งรุ่งสางสาดกระทบร่างผอมบางที่สวมเสื้อยืดสีชาหม่น กางเกงขาสั้นเก่ายับ ชายมุ้งที่ถูกเลิกขึ้นยังปลิวสะบัด ซาเล้งซึ่งคลุมผ้าพลาสติกไว้จอดชิดแคร่ที่นอน ร่างผอมบางสะดุ้งเล็กน้อยขณะเงยหน้าจ้องไปยังขอบริมสะพาน ผมหงอกยาวและเคราที่เลื้อยผ่านใต้คางปลิวลมไปในทิศทางเดียวกัน แกยกมือขยี้ตาซ้ำๆ จ้องมองไปยังจุดผิดสังเกต แกยิ้มจนฟันซี่หลอต้องแสงสว่าง โคลงหัวไปมาพลางพึมพำในใจ…ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่ สายตาชราของแกฝ้าฟางไปเอง สะพานแขวนชุ่มฝนทอดข้ามลำน้ำว่างเปล่า เม็ดฝนหนาแน่นเทกระทบพื้นกระดาน บางแผ่นสลักถ้อยคำสารภาพรักของเด็กหนุ่มนิรนาม อีกแผ่นถัดมาอักษรสีขาวเขียนด้วยปากกาเคมี ชื่อเล่นของชายและหญิงเด่นชัดกลางรูปหัวใจ อีกหลายแผ่นปรากฏชื่อนามชายหนุ่มและหญิงสาวผู้เปี่ยมรัก สลักไว้ล่วงผ่านวันคืนและฤดูกาลจนหางอักษรบางตัวเลือนจาง ราวเหล็กและสลิงที่ขึงไว้ทั้งสองด้าน ช่องว่างจากการออกแบบและอายุขัยอันเก่านาน หลายช่องเล็กๆ นี้เองที่ผู้หมดหวังในชีวิตหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันมาโผพุ่งสู่ผืนน้ำเบื้องล่าง แทบทั้งหมดเลือกช่วงยามดึกสงัดปลอดสายตาใครอื่น จบตำนานชีวิตของตนง่ายๆ บางรายที่ไม่อาจทนรอโมงยามเช่นนั้นให้กับตัวเอง โผพุ่งสู่ลำน้ำท่ามกลางสายตาตื่นตระหนกของผู้คนสองฟากฝั่ง ครั้นแล้วคนผู้นั้นก็รู้ว่าความตายไม่ใช่โอกาสที่ไขว่คว้าได้โดยง่าย […]
ทุกคนสามารถเพิ่มความสุขง่าย ๆ ด้วยบันทึกสำหรับสร้าง OUTPUT ความสุขสามแบบ เริ่มจากความสุขแบบเซโรโทนิน คือความสุขจากการมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ ความสุขแบบออกซิโตซิน คือความสุขจากความรัก ความผูกพัน มิตรภาพ ความสัมพันธ์กับผู้อื่น และความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มหรือชุมชน และความสุขแบบโดพามีน คือความสุขจากทรัพย์สิน เงินทอง ความสำเร็จ การบรรลุเป้าหมาย ชื่อเสียงและเกียรติยศ หากต้องการให้ความสุขทั้งสามแบบอยู่กับเราอย่างยาวนาน ก็จำเป็นต้องสร้างออกมาเป็น OUTPUT ด้วยการบันทึกลงในแบบบันทึก OUTPUT ความสุขในแต่ละวัน เราไปทำความรู้จักวิธี “เพิ่มความสุขง่าย ๆ ด้วยแบบบันทึก OUTPUT ความสุขในแต่ละวัน” ทำไมต้องสร้างความสุขสามแบบให้กับชีวิต สารแห่งความสุขที่เป็นส่วนประกอบของความสุขในชีวิตประจำวันที่ควรให้ความสนใจมีอยู่ 3 ชนิด ได้แก่ เซโรโทนิน ออกซิโตซิน และโดพามีน ดังนั้น “ความสุข” ที่เรารู้สึกในยามปกติน่าจะแบ่งได้เป็น 1. ความสุขแบบเซโรโทนิน คือความสุขจากการมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ 2. ความสุขแบบออกซิโตซิน คือความสุขจากความรัก ความผูกพัน มิตรภาพ ความสัมพันธ์กับผู้อื่น และความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มหรือชุมชน 3. ความสุขแบบโดพามีน คือความสุขจากทรัพย์สิน […]
ช่วงเวลาดีๆ ที่มีแต่รัก 造作时光 เยว่เซี่ยเตี๋ยอิ่ง 月下蝶影 เขียน Hanza แปล — โปรย — รัชทายาทรูปโฉมหล่อเหลาไร้ผู้ใดเทียม เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ แต่ถึงเขาหน้าตาดีเพียงใด้ก่งกาจเพียงใด ก็หักล้างกับนิสัยไม่ดีและปากร้ายไม่ได้ หญิงผู้ดีมีชาติตระกูล มีหรือจะอดทนกับความปากร้าย ที่สามารถฆ่าคนอย่างไร้รูปเช่นนั้น ว่ากันว่าแม้แต่สนมในวังหลวงทั้งหลายก็ยังมิอาจต่อกรกับรัชทายาท นับประสาอันใดกับพวกนางที่เป็นสาวน้อยที่มีพลังในการชิงดีชิงเด่นไม่เข้มแข็งพอ คิดดูอีกที เมื่อรัชทายาทถูกตาจ้องใจสตรีอ่อนแอขี้โรค นับว่านางเป็นเนื้อสมันที่เดินเข้าปากเสือ น่าจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี แม้ภายนอก ฮวาหลิวหลี อ่อนแอขี้โรค ทว่าแท้จริงนางเป็นสตรีที่น่าครั่นคร้ามยิ่ง ไม่ว่าฝ่ายใดที่พยายามลอบสังหารนาง กลับต้องแพ้ภัยตัวเอง จีหยวนซู่ บุรุษรูปงาม สูงศักดิ์ เป็นถึงรัชทายาทแคว้นจิ้น เขาถูกตาต้องใจนาง คอยปกป้องเอาใจนางเสมอ ต่อให้นางเข้มแข็งเพียงใดก็ยังพ่ายต่อเขา และที่สำคัญคือพ่ายต่อรูปโฉมบุรุษที่เป็นจุดอ่อนของนาง _______________________________ ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“ สำนักพิมพ์อรุณ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) 42 “ทูลรัชทายาท ตลอดเส้นทางนับแต่อวิ๋นหานออกจากคุกศาลต้าหลี่มาถึงโรงหินนั้น เขาพบผู้ผ่านทางโดยบังเอิญสามหน และพวกเรายังจับตามองนักโทษที่ได้พูดคุยกับเขาด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีรับใช้ใกล้ชิดมองรัชทายาทอย่างลังเลผาดหนึ่ง […]
ช่วงเวลาดีๆ ที่มีแต่รัก 造作时光 เยว่เซี่ยเตี๋ยอิ่ง 月下蝶影 เขียน Hanza แปล — โปรย — รัชทายาทรูปโฉมหล่อเหลาไร้ผู้ใดเทียม เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ แต่ถึงเขาหน้าตาดีเพียงใด้ก่งกาจเพียงใด ก็หักล้างกับนิสัยไม่ดีและปากร้ายไม่ได้ หญิงผู้ดีมีชาติตระกูล มีหรือจะอดทนกับความปากร้าย ที่สามารถฆ่าคนอย่างไร้รูปเช่นนั้น ว่ากันว่าแม้แต่สนมในวังหลวงทั้งหลายก็ยังมิอาจต่อกรกับรัชทายาท นับประสาอันใดกับพวกนางที่เป็นสาวน้อยที่มีพลังในการชิงดีชิงเด่นไม่เข้มแข็งพอ คิดดูอีกที เมื่อรัชทายาทถูกตาจ้องใจสตรีอ่อนแอขี้โรค นับว่านางเป็นเนื้อสมันที่เดินเข้าปากเสือ น่าจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี แม้ภายนอก ฮวาหลิวหลี อ่อนแอขี้โรค ทว่าแท้จริงนางเป็นสตรีที่น่าครั่นคร้ามยิ่ง ไม่ว่าฝ่ายใดที่พยายามลอบสังหารนาง กลับต้องแพ้ภัยตัวเอง จีหยวนซู่ บุรุษรูปงาม สูงศักดิ์ เป็นถึงรัชทายาทแคว้นจิ้น เขาถูกตาต้องใจนาง คอยปกป้องเอาใจนางเสมอ ต่อให้นางเข้มแข็งเพียงใดก็ยังพ่ายต่อเขา และที่สำคัญคือพ่ายต่อรูปโฉมบุรุษที่เป็นจุดอ่อนของนาง _______________________________ ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“ สำนักพิมพ์อรุณ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) 41 ยามที่ฮวาหลิวหลีและรัชทายาทเดินมากลางศาลา ขันทีรับใช้ข้างกายรัชทายาทตระเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมพรัก รอบศาลาทุกสองก้าวจะมีราชองครักษ์ที่ต่างกายเป็นชาวบ้านยืนอยู่ เห็นชัดว่าฮ่องเต้ไม่วางใจเรื่องความปลอดภัยของรัชทายาทยามออกนอกวัง […]
ทักษะ OUTPUT เป็นทักษะสำคัญ ที่จะช่วยให้คนทำงานสามารถถ่ายทอดและสื่อสารอย่างทรงพลัง เข้าเป้า เข้าตา ทักษะ OUTPUT จึงเป็นทักษะคนทำงานที่ต้องมี เพราะคนเก่งงานไม่สามารถทำงานโดยถ่ายทอดข้อมูลไม่เป็นไม่ได้ ขอแนะนำ “3 เคล็ดลับ OUTPUT เพื่อเป็นคนทำงานเก่งจนทึกคนต้องตะลึง” เทคนิคเพื่อพัฒนาคนทำงานให้เก่งและมีผลงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ! 1. เทคนิคพูดให้เก่ง คนทำงานปกติทั่วไปไม่จำเป็นต้องตั้งเป้าพัฒนาเทคนิคการพูดให้ลื่นไหลน่าฟังเหมือนเช่น นักพากย์ หรือนักแสดง เพราะจริง ๆ แล้วการเป็นคนพูดเก่งในเรื่องงานไม่ได้ต้องการเทคนิคอะไรมากนัก ขอแค่มีจังหวะจะโคนสม่ำเสมอ ไม่ว่าสถานการณ์ใดก็ใช้โทนเสียงคงเส้นคงวาและฟังเข้าใจง่าย เมื่อทำได้เช่นนี้ ใจความสำคัญที่พูดก็จะไหลเข้าสู่โสตประสาทของอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติอย่างถูกต้องชัดเจน หรือจะสรุปว่า สิ่งสำคัญในการพูดคือ ความคงเส้นคงวาที่พร้อมจะแทรกสู่สมองอีกฝ่ายอย่างเป็นธรรมชาติก็คงไม่ผิดนัก เคล็ดลับในการพูดให้ฟังเข้าใจง่ายประกอบด้วย ไม่พูดรัวเร็ว หรือพูดแบบท่องบทก็ไม่สมควรระหว่างพูดให้คิดตามสิ่งที่พูด และคอยรักษาจังหวะจะโคนให้คงเส้นคงวา หมั่นฝึกซ้อมประโยคที่ใช้บ่อย : ซ้อมพูดประโยคที่ใช้บ่อย เช่น “เปิดเอกสารไปที่หน้าหนึ่งครับ/ ค่ะ” หลาย ๆ ครั้ง เว้นวรรค : ควรเว้นวรรคหลังจบประโยค “ไปที่หน้าถัดไปครับ/ค่ะ” ซึ่งการเว้นวรรคจะแสดงให้เห็นถึงความไม่เร่งร้อน ฟังดูมีศิลปะในการพูด เน้นเสียงและพูดให้ช้าลงเล็กน้อย เมื่อถึงประโยคสำคัญ หรือคำศัพท์เฉพาะ 2. […]
ยุคสมัยแห่งธิดาอ๋อง 王女韶华 溪畔茶 ซีพั่นฉา เขียน ภวิษย์พร แปล — โปรย — ใครว่าการเป็นซื่อจื่อน้อยแห่งนครอวิ๋นหนานนั้นแสนสบาย คงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเข้าใจ ว่าการจะรักษาตำแหน่ง “ซื่อจื่อ” ไว้ไม่ใช่เรื่องง่าย มู่หยวนอวี๋จำต้องเดินทางไกล จากบ้านเกิดเมืองนอนมาอยู่ในเมืองหลวง เพื่อรักษาความลับที่สำคัญและยื้อชีวิตของตน แต่ก็เหมือนโชคชะตาเล่นตลก เมื่อบิดาเรียกตัวมู่หยวนอวี๋กลับอวิ๋นหนานบ้านเกิด การมาอยู่เมืองหลวงครั้งนี้จะเสียเปล่าหรือไม่ แผนการในชีวิตของมู่หยวนอวี๋จะเป็นอย่างไร ใครเล่าจะรู้ … _______________________________ ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“ สำนักพิมพ์อรุณ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) บทที่ 51 หนังสือโต้แย้งของมู่หยวนอวี๋วางอยู่บนโต๊ะมังกรของฮ่องเต้ ฮ่องเต้อ่านแล้วก็นิ่งคิดไปพักหนึ่ง “วังไหวจง ไปหยิบกล่องใบนั้นมา” ข้างฝ่ามือของฮ่องเต้วางหนังสือโต้แย้งของมู่หยวนอวี๋และหนังสือร้องเรียนของหวาหมิ่นเอาไว้ วังไหวจงรู้ดีว่าเขาต้องการกล่องใบไหน จึงเดินไปหยิบเงียบๆโดยไม่ถามให้มากความอีก เสียงกริ๊กดังขึ้นหนึ่งครั้ง กุญแจที่คล้องอยู่ถูกดึงออก กล่องที่เปิดอ้าถูกยื่นมาตรงหน้าฮ่องเต้ มือของฮ่องเต้วางลงบนจดหมายลับที่อยู่ด้านใน แต่กลับเปลี่ยนใจไม่หยิบมาอ่าน แค่หันไปพูดกับวังไหวจงว่า “เป็นฉู่โหย่วเซิงที่ตาไม่มีแวว หรือเป็นเพราะบุตรชายคนเล็กตระกูลมู่ห่างไกลจากการดูแลของพ่อแม่ จึงเป็นดั่งการปลูกส้มที่ไหวเป่ยกลายเป็นต้นจือ[1]” วังไหวจงอายุเกือบห้าสิบปีแล้ว ได้ยินคำถามของเขาก็คลี่ยิ้มเผยให้เห็นริ้วรอยเล็กๆตรงหางตาและมุมปาก “ฝ่าบาททรงให้ความสนพระทัยจริงๆ […]
生死谷 หุบเขาคร่าวิญญาณ 鄭丰เจิ้งฟง เขียน HUNZA แปล โปรย หุบเขาเร้นลับที่ปราศจากทางออก เหล่าเด็กน้อยถูกพาตัวมารับการฝึกฝนอันแสนโหดเหี้ยม เพื่อให้พวกเขาเติบใหญ่กลายเป็นนักฆ่า เป็นอาวุธสังหารที่กุมความเป็นไปของแว่นแคว้น ในยุคที่แผ่นดินระส่ำระส่ายนี้ เผยรั่วหลัน คุณหนูหกแห่งจวนขุนนาง เสี่ยวหูจื่อ บุตรชายเพียงคนเดียวของเสนาบดีอู่ แม้มีชาติกำเนิดสูงส่ง หากแต่เด็กทั้งสอง กลับถูกลักพามาได้อย่างง่ายดาย ไม่พ้นต้องตกลงสู่นรกไร้ปราณี ที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงพวกเขาไป พี่น้องสองร้อยคน ด่านทั้งสาม มีเพียงแปดคนเท่านั้นที่จะได้กลับบ้าน! ต้นฉบับนี้ยังไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์ บทที่ 5 สหายร่วมทุกข์ เผยรั่วหลันไม่รู้ว่าตนเองมายังหุบเขาแห่งนี้ได้อย่างไร นางถูกวางยาสลบแล้วพาตัวมาไม่ต่างจากเด็กอีกสิบหกคนในรถม้าที่เสี่ยวหูจื่อนั่งมา เมื่อฟื้นขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตนเองอยู่ในหุบเขาที่ไม่คุ้นเคยเสียแล้ว นางจำได้ราง ๆ ถึงคืนวันนั้นว่านั่งท่องตำรา ‘สมบัติกุลสตรี’ อย่างเกียจคร้านอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือในห้องนอน นางหาวแล้วหาวอีกจนตัดสินใจเข้านอน จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเย็น ๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง นางหันกลับไปดูด้วยความตกใจเห็นหญิงชรายืนอยู่ที่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ หากสายตาที่มองมาเย็นชายิ่งนัก เผยรั่วหลันคิดว่าตนเองกำลังฝันไปหรือไม่ก็ถูกผีหลอก กำลังจะลุกขึ้นยืนพลันเวียนหัวตาลาย หมดความรู้สึกไปทันที ระหว่างนั้นนางคล้ายกับเห็นคนแปลกหน้าสองคนยืนอยู่ คนหนึ่งเป็นชายสวมชุดนักพรตสีดำทั้งชุด ใบหน้าเหลืองซีด […]
生死谷 หุบเขาคร่าวิญญาณ 鄭丰เจิ้งฟง เขียน HUNZA แปล โปรย หุบเขาเร้นลับที่ปราศจากทางออก เหล่าเด็กน้อยถูกพาตัวมารับการฝึกฝนอันแสนโหดเหี้ยม เพื่อให้พวกเขาเติบใหญ่กลายเป็นนักฆ่า เป็นอาวุธสังหารที่กุมความเป็นไปของแว่นแคว้น ในยุคที่แผ่นดินระส่ำระส่ายนี้ เผยรั่วหลัน คุณหนูหกแห่งจวนขุนนาง เสี่ยวหูจื่อ บุตรชายเพียงคนเดียวของเสนาบดีอู่ แม้มีชาติกำเนิดสูงส่ง หากแต่เด็กทั้งสอง กลับถูกลักพามาได้อย่างง่ายดาย ไม่พ้นต้องตกลงสู่นรกไร้ปราณี ที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงพวกเขาไป พี่น้องสองร้อยคน ด่านทั้งสาม มีเพียงแปดคนเท่านั้นที่จะได้กลับบ้าน! ต้นฉบับนี้ยังไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์ บทที่ 6 ผ่านด่าน ไม่นานนัก การทดสอบเพื่อผ่านด่านแรกก็เริ่มขึ้น เช้าตรู่วันหนึ่งในช่วงปลายฤดูร้อนใกล้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง หัวหน้าหมู่พาเด็กทั้งสองร้อยคนมายืนอยู่กลางลานกว้างในหุบเขา ตอนนั้นเผยรั่วหลันอยู่ในหุบเขามาได้ประมาณหกเดือน นางเห็นเส้นสีแดงสดกว้างประมาณสามนิ้วขีดอยู่บนพื้น เด็ก ๆ ก้มหน้ามองเส้นสีแดงอย่างสงสัย ต่างคนต่างเดาไปในความเงียบงันว่าเส้นสีแดงนี้ใช้สำหรับทำอะไร หัวหน้าหมู่คนหนึ่งยืนเผชิญหน้ากับเด็ก ๆ ทั้งหลาย ประกาศด้วยเสียงอันดังว่า “กฎการทดสอบด่านที่หนึ่งมีดังนี้ เมื่อข้าส่งสัญญาณ พี่น้องทุกคนจะต้องวิ่งข้ามเส้นสีแดงเส้นนี้ ไปจนถึงหน้าผาที่อยู่ริมหุบเขา ว่ายน้ำข้ามลำธาร ปีนขึ้นไปจนถึงที่ราบบนหน้าผา หยิบลูกสนมาหนึ่งลูกแล้วค่อยปีนลงมาวิ่งกลับมายังเส้นสีแดงนี้ตามเดิม คนที่กลับเข้ามาถึงเส้นสีแดงสามสิบหกคนแรก […]