老婆粉了解一下 รู้ไว้ซะ ฉันนี่แหละแฟนคลับตัวแม่ ชุนเตาหาน เขียน เสี่ยวฝาน แปล — โปรย — กระจกเงาแบบตั้งพื้นสะท้อนภาพหญิงสาวตรงหน้าซึ่งมีใบหน้าขาวซีด ผมยาวม้วนงอเล็กน้อยในระดับอก ใบหน้านี้เป็นใบหน้าที่ครั้งหนึ่งเธอเคยชิงชัง เธอก้มศีรษะลงโค้งคำนับสามครั้ง “เซิ่งเฉียว ฉันขอโทษนะ” ขอโทษที่เมื่อก่อนฉันโจมตีเธอตามใจชอบโดยไม่รู้อะไรเลย ขอโทษที่ฉันรัวแป้นพิมพ์แบบไม่รับผิดชอบ ทำให้เธอต้องเจ็บปวด ขอโทษที่โลกออนไลน์ทำลายเธออย่างโหดร้ายไปตามกระแสสังคม ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงหายตัวไป อาจเป็นเพราะเธอแบกรับความโหดร้ายของโลกใบนี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว และฉันก็เป็นหนึ่งในผู้ร้ายเสียด้วย ฉันจะแก้ไขปัญหาทุกอย่างเอง ฉันจะทำให้ชีวิตที่มืดมนของเธอได้พบกับแสงสว่าง _______________________________ ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“ สำนักพิมพ์อรุณ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) 2 ฮั่วซีพาเฉียวเฉียวกลับบ้าน เขารินน้ำอุ่นใส่แก้วให้เธอ แล้วนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม เธอยังคงร้องไห้จนไหล่สั่น ร้องไปก็มองไปรอบๆ ก่อนที่สายตาจะหยุดลงตรงชายหนุ่ม เธอหลับตาลงแล้วเอ่ยเสียงแผ่วด้วยความประหลาดใจ “ฮั่วซี…” เขาใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางมองเธอ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ตีความไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร “เซิ่งเฉียว คุณคิดจะทำอะไรอีก” ทันทีที่ได้ยินอีกฝ่ายเรียกตนว่าเซิ่งเฉียว น้ำตาก็ไหลพรากเป็นเขื่อนแตกอีกครั้ง ฮั่วซี “…” เธอร้องไห้อยู่อย่างนั้นสักพัก แล้วทำท่าเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก จึงเงยหน้าถาม “ฮั่วซี […]
Category Archives: ไม่มีหมวดหมู่
ให้ร้านหนังสือนำทางรัก ประชาคม ลุนาชัย เขียน ติดตามการวางจำหน่ายได้ที่เพจ แพรวสำนักพิมพ์ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) ภาคหนึ่ง สะพาน สายน้ำ และความตาย ชายชราใต้สะพาน สะพานแขวนโยกตัวไปตามแรงกระหน่ำของพายุฝน แสงไฟหม่นมัวคล้ายสาดส่องจากใต้ผิวน้ำ ฝนกระหน่ำหนัก ลมแรงฉีกกระชากกิ่งไม้ใหญ่ริมน้ำหล่นกระทบพื้นชายฝั่ง กลางความมืดใต้สะพาน ดวงตาชราคู่หนึ่งเบิกกว้าง แกสะดุ้งตื่นกับเสียงรบกวนรอบข้าง ไม่อาจข่มตาหลับ ระแวงระดับน้ำอาจล้นตลิ่งแล้วรุกคืบท่วมถึงที่นอน แกผุดลุกนั่งแล้วจ่อมมองสายฝน ยาวนานจนกระทั่งแสงสลัวแห่งรุ่งสางสาดกระทบร่างผอมบางที่สวมเสื้อยืดสีชาหม่น กางเกงขาสั้นเก่ายับ ชายมุ้งที่ถูกเลิกขึ้นยังปลิวสะบัด ซาเล้งซึ่งคลุมผ้าพลาสติกไว้จอดชิดแคร่ที่นอน ร่างผอมบางสะดุ้งเล็กน้อยขณะเงยหน้าจ้องไปยังขอบริมสะพาน ผมหงอกยาวและเคราที่เลื้อยผ่านใต้คางปลิวลมไปในทิศทางเดียวกัน แกยกมือขยี้ตาซ้ำๆ จ้องมองไปยังจุดผิดสังเกต แกยิ้มจนฟันซี่หลอต้องแสงสว่าง โคลงหัวไปมาพลางพึมพำในใจ…ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่ สายตาชราของแกฝ้าฟางไปเอง สะพานแขวนชุ่มฝนทอดข้ามลำน้ำว่างเปล่า เม็ดฝนหนาแน่นเทกระทบพื้นกระดาน บางแผ่นสลักถ้อยคำสารภาพรักของเด็กหนุ่มนิรนาม อีกแผ่นถัดมาอักษรสีขาวเขียนด้วยปากกาเคมี ชื่อเล่นของชายและหญิงเด่นชัดกลางรูปหัวใจ อีกหลายแผ่นปรากฏชื่อนามชายหนุ่มและหญิงสาวผู้เปี่ยมรัก สลักไว้ล่วงผ่านวันคืนและฤดูกาลจนหางอักษรบางตัวเลือนจาง ราวเหล็กและสลิงที่ขึงไว้ทั้งสองด้าน ช่องว่างจากการออกแบบและอายุขัยอันเก่านาน หลายช่องเล็กๆ นี้เองที่ผู้หมดหวังในชีวิตหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันมาโผพุ่งสู่ผืนน้ำเบื้องล่าง แทบทั้งหมดเลือกช่วงยามดึกสงัดปลอดสายตาใครอื่น จบตำนานชีวิตของตนง่ายๆ บางรายที่ไม่อาจทนรอโมงยามเช่นนั้นให้กับตัวเอง โผพุ่งสู่ลำน้ำท่ามกลางสายตาตื่นตระหนกของผู้คนสองฟากฝั่ง ครั้นแล้วคนผู้นั้นก็รู้ว่าความตายไม่ใช่โอกาสที่ไขว่คว้าได้โดยง่าย […]
ช่วงเวลาดีๆ ที่มีแต่รัก 造作时光 เยว่เซี่ยเตี๋ยอิ่ง 月下蝶影 เขียน Hanza แปล — โปรย — รัชทายาทรูปโฉมหล่อเหลาไร้ผู้ใดเทียม เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ แต่ถึงเขาหน้าตาดีเพียงใด้ก่งกาจเพียงใด ก็หักล้างกับนิสัยไม่ดีและปากร้ายไม่ได้ หญิงผู้ดีมีชาติตระกูล มีหรือจะอดทนกับความปากร้าย ที่สามารถฆ่าคนอย่างไร้รูปเช่นนั้น ว่ากันว่าแม้แต่สนมในวังหลวงทั้งหลายก็ยังมิอาจต่อกรกับรัชทายาท นับประสาอันใดกับพวกนางที่เป็นสาวน้อยที่มีพลังในการชิงดีชิงเด่นไม่เข้มแข็งพอ คิดดูอีกที เมื่อรัชทายาทถูกตาจ้องใจสตรีอ่อนแอขี้โรค นับว่านางเป็นเนื้อสมันที่เดินเข้าปากเสือ น่าจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี แม้ภายนอก ฮวาหลิวหลี อ่อนแอขี้โรค ทว่าแท้จริงนางเป็นสตรีที่น่าครั่นคร้ามยิ่ง ไม่ว่าฝ่ายใดที่พยายามลอบสังหารนาง กลับต้องแพ้ภัยตัวเอง จีหยวนซู่ บุรุษรูปงาม สูงศักดิ์ เป็นถึงรัชทายาทแคว้นจิ้น เขาถูกตาต้องใจนาง คอยปกป้องเอาใจนางเสมอ ต่อให้นางเข้มแข็งเพียงใดก็ยังพ่ายต่อเขา และที่สำคัญคือพ่ายต่อรูปโฉมบุรุษที่เป็นจุดอ่อนของนาง _______________________________ ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“ สำนักพิมพ์อรุณ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) 42 “ทูลรัชทายาท ตลอดเส้นทางนับแต่อวิ๋นหานออกจากคุกศาลต้าหลี่มาถึงโรงหินนั้น เขาพบผู้ผ่านทางโดยบังเอิญสามหน และพวกเรายังจับตามองนักโทษที่ได้พูดคุยกับเขาด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีรับใช้ใกล้ชิดมองรัชทายาทอย่างลังเลผาดหนึ่ง […]
ช่วงเวลาดีๆ ที่มีแต่รัก 造作时光 เยว่เซี่ยเตี๋ยอิ่ง 月下蝶影 เขียน Hanza แปล — โปรย — รัชทายาทรูปโฉมหล่อเหลาไร้ผู้ใดเทียม เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ แต่ถึงเขาหน้าตาดีเพียงใด้ก่งกาจเพียงใด ก็หักล้างกับนิสัยไม่ดีและปากร้ายไม่ได้ หญิงผู้ดีมีชาติตระกูล มีหรือจะอดทนกับความปากร้าย ที่สามารถฆ่าคนอย่างไร้รูปเช่นนั้น ว่ากันว่าแม้แต่สนมในวังหลวงทั้งหลายก็ยังมิอาจต่อกรกับรัชทายาท นับประสาอันใดกับพวกนางที่เป็นสาวน้อยที่มีพลังในการชิงดีชิงเด่นไม่เข้มแข็งพอ คิดดูอีกที เมื่อรัชทายาทถูกตาจ้องใจสตรีอ่อนแอขี้โรค นับว่านางเป็นเนื้อสมันที่เดินเข้าปากเสือ น่าจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี แม้ภายนอก ฮวาหลิวหลี อ่อนแอขี้โรค ทว่าแท้จริงนางเป็นสตรีที่น่าครั่นคร้ามยิ่ง ไม่ว่าฝ่ายใดที่พยายามลอบสังหารนาง กลับต้องแพ้ภัยตัวเอง จีหยวนซู่ บุรุษรูปงาม สูงศักดิ์ เป็นถึงรัชทายาทแคว้นจิ้น เขาถูกตาต้องใจนาง คอยปกป้องเอาใจนางเสมอ ต่อให้นางเข้มแข็งเพียงใดก็ยังพ่ายต่อเขา และที่สำคัญคือพ่ายต่อรูปโฉมบุรุษที่เป็นจุดอ่อนของนาง _______________________________ ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“ สำนักพิมพ์อรุณ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) 41 ยามที่ฮวาหลิวหลีและรัชทายาทเดินมากลางศาลา ขันทีรับใช้ข้างกายรัชทายาทตระเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมพรัก รอบศาลาทุกสองก้าวจะมีราชองครักษ์ที่ต่างกายเป็นชาวบ้านยืนอยู่ เห็นชัดว่าฮ่องเต้ไม่วางใจเรื่องความปลอดภัยของรัชทายาทยามออกนอกวัง […]
ยุคสมัยแห่งธิดาอ๋อง 王女韶华 溪畔茶 ซีพั่นฉา เขียน ภวิษย์พร แปล — โปรย — ใครว่าการเป็นซื่อจื่อน้อยแห่งนครอวิ๋นหนานนั้นแสนสบาย คงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเข้าใจ ว่าการจะรักษาตำแหน่ง “ซื่อจื่อ” ไว้ไม่ใช่เรื่องง่าย มู่หยวนอวี๋จำต้องเดินทางไกล จากบ้านเกิดเมืองนอนมาอยู่ในเมืองหลวง เพื่อรักษาความลับที่สำคัญและยื้อชีวิตของตน แต่ก็เหมือนโชคชะตาเล่นตลก เมื่อบิดาเรียกตัวมู่หยวนอวี๋กลับอวิ๋นหนานบ้านเกิด การมาอยู่เมืองหลวงครั้งนี้จะเสียเปล่าหรือไม่ แผนการในชีวิตของมู่หยวนอวี๋จะเป็นอย่างไร ใครเล่าจะรู้ … _______________________________ ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“ สำนักพิมพ์อรุณ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) บทที่ 51 หนังสือโต้แย้งของมู่หยวนอวี๋วางอยู่บนโต๊ะมังกรของฮ่องเต้ ฮ่องเต้อ่านแล้วก็นิ่งคิดไปพักหนึ่ง “วังไหวจง ไปหยิบกล่องใบนั้นมา” ข้างฝ่ามือของฮ่องเต้วางหนังสือโต้แย้งของมู่หยวนอวี๋และหนังสือร้องเรียนของหวาหมิ่นเอาไว้ วังไหวจงรู้ดีว่าเขาต้องการกล่องใบไหน จึงเดินไปหยิบเงียบๆโดยไม่ถามให้มากความอีก เสียงกริ๊กดังขึ้นหนึ่งครั้ง กุญแจที่คล้องอยู่ถูกดึงออก กล่องที่เปิดอ้าถูกยื่นมาตรงหน้าฮ่องเต้ มือของฮ่องเต้วางลงบนจดหมายลับที่อยู่ด้านใน แต่กลับเปลี่ยนใจไม่หยิบมาอ่าน แค่หันไปพูดกับวังไหวจงว่า “เป็นฉู่โหย่วเซิงที่ตาไม่มีแวว หรือเป็นเพราะบุตรชายคนเล็กตระกูลมู่ห่างไกลจากการดูแลของพ่อแม่ จึงเป็นดั่งการปลูกส้มที่ไหวเป่ยกลายเป็นต้นจือ[1]” วังไหวจงอายุเกือบห้าสิบปีแล้ว ได้ยินคำถามของเขาก็คลี่ยิ้มเผยให้เห็นริ้วรอยเล็กๆตรงหางตาและมุมปาก “ฝ่าบาททรงให้ความสนพระทัยจริงๆ […]
生死谷 หุบเขาคร่าวิญญาณ 鄭丰เจิ้งฟง เขียน HUNZA แปล โปรย หุบเขาเร้นลับที่ปราศจากทางออก เหล่าเด็กน้อยถูกพาตัวมารับการฝึกฝนอันแสนโหดเหี้ยม เพื่อให้พวกเขาเติบใหญ่กลายเป็นนักฆ่า เป็นอาวุธสังหารที่กุมความเป็นไปของแว่นแคว้น ในยุคที่แผ่นดินระส่ำระส่ายนี้ เผยรั่วหลัน คุณหนูหกแห่งจวนขุนนาง เสี่ยวหูจื่อ บุตรชายเพียงคนเดียวของเสนาบดีอู่ แม้มีชาติกำเนิดสูงส่ง หากแต่เด็กทั้งสอง กลับถูกลักพามาได้อย่างง่ายดาย ไม่พ้นต้องตกลงสู่นรกไร้ปราณี ที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงพวกเขาไป พี่น้องสองร้อยคน ด่านทั้งสาม มีเพียงแปดคนเท่านั้นที่จะได้กลับบ้าน! ต้นฉบับนี้ยังไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์ บทที่ 5 สหายร่วมทุกข์ เผยรั่วหลันไม่รู้ว่าตนเองมายังหุบเขาแห่งนี้ได้อย่างไร นางถูกวางยาสลบแล้วพาตัวมาไม่ต่างจากเด็กอีกสิบหกคนในรถม้าที่เสี่ยวหูจื่อนั่งมา เมื่อฟื้นขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตนเองอยู่ในหุบเขาที่ไม่คุ้นเคยเสียแล้ว นางจำได้ราง ๆ ถึงคืนวันนั้นว่านั่งท่องตำรา ‘สมบัติกุลสตรี’ อย่างเกียจคร้านอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือในห้องนอน นางหาวแล้วหาวอีกจนตัดสินใจเข้านอน จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเย็น ๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง นางหันกลับไปดูด้วยความตกใจเห็นหญิงชรายืนอยู่ที่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ หากสายตาที่มองมาเย็นชายิ่งนัก เผยรั่วหลันคิดว่าตนเองกำลังฝันไปหรือไม่ก็ถูกผีหลอก กำลังจะลุกขึ้นยืนพลันเวียนหัวตาลาย หมดความรู้สึกไปทันที ระหว่างนั้นนางคล้ายกับเห็นคนแปลกหน้าสองคนยืนอยู่ คนหนึ่งเป็นชายสวมชุดนักพรตสีดำทั้งชุด ใบหน้าเหลืองซีด […]
生死谷 หุบเขาคร่าวิญญาณ 鄭丰เจิ้งฟง เขียน HUNZA แปล โปรย หุบเขาเร้นลับที่ปราศจากทางออก เหล่าเด็กน้อยถูกพาตัวมารับการฝึกฝนอันแสนโหดเหี้ยม เพื่อให้พวกเขาเติบใหญ่กลายเป็นนักฆ่า เป็นอาวุธสังหารที่กุมความเป็นไปของแว่นแคว้น ในยุคที่แผ่นดินระส่ำระส่ายนี้ เผยรั่วหลัน คุณหนูหกแห่งจวนขุนนาง เสี่ยวหูจื่อ บุตรชายเพียงคนเดียวของเสนาบดีอู่ แม้มีชาติกำเนิดสูงส่ง หากแต่เด็กทั้งสอง กลับถูกลักพามาได้อย่างง่ายดาย ไม่พ้นต้องตกลงสู่นรกไร้ปราณี ที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงพวกเขาไป พี่น้องสองร้อยคน ด่านทั้งสาม มีเพียงแปดคนเท่านั้นที่จะได้กลับบ้าน! ต้นฉบับนี้ยังไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์ บทที่ 6 ผ่านด่าน ไม่นานนัก การทดสอบเพื่อผ่านด่านแรกก็เริ่มขึ้น เช้าตรู่วันหนึ่งในช่วงปลายฤดูร้อนใกล้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง หัวหน้าหมู่พาเด็กทั้งสองร้อยคนมายืนอยู่กลางลานกว้างในหุบเขา ตอนนั้นเผยรั่วหลันอยู่ในหุบเขามาได้ประมาณหกเดือน นางเห็นเส้นสีแดงสดกว้างประมาณสามนิ้วขีดอยู่บนพื้น เด็ก ๆ ก้มหน้ามองเส้นสีแดงอย่างสงสัย ต่างคนต่างเดาไปในความเงียบงันว่าเส้นสีแดงนี้ใช้สำหรับทำอะไร หัวหน้าหมู่คนหนึ่งยืนเผชิญหน้ากับเด็ก ๆ ทั้งหลาย ประกาศด้วยเสียงอันดังว่า “กฎการทดสอบด่านที่หนึ่งมีดังนี้ เมื่อข้าส่งสัญญาณ พี่น้องทุกคนจะต้องวิ่งข้ามเส้นสีแดงเส้นนี้ ไปจนถึงหน้าผาที่อยู่ริมหุบเขา ว่ายน้ำข้ามลำธาร ปีนขึ้นไปจนถึงที่ราบบนหน้าผา หยิบลูกสนมาหนึ่งลูกแล้วค่อยปีนลงมาวิ่งกลับมายังเส้นสีแดงนี้ตามเดิม คนที่กลับเข้ามาถึงเส้นสีแดงสามสิบหกคนแรก […]
生死谷 หุบเขาคร่าวิญญาณ 鄭丰เจิ้งฟง เขียน HUNZA แปล โปรย หุบเขาเร้นลับที่ปราศจากทางออก เหล่าเด็กน้อยถูกพาตัวมารับการฝึกฝนอันแสนโหดเหี้ยม เพื่อให้พวกเขาเติบใหญ่กลายเป็นนักฆ่า เป็นอาวุธสังหารที่กุมความเป็นไปของแว่นแคว้น ในยุคที่แผ่นดินระส่ำระส่ายนี้ เผยรั่วหลัน คุณหนูหกแห่งจวนขุนนาง เสี่ยวหูจื่อ บุตรชายเพียงคนเดียวของเสนาบดีอู่ แม้มีชาติกำเนิดสูงส่ง หากแต่เด็กทั้งสอง กลับถูกลักพามาได้อย่างง่ายดาย ไม่พ้นต้องตกลงสู่นรกไร้ปราณี ที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงพวกเขาไป พี่น้องสองร้อยคน ด่านทั้งสาม มีเพียงแปดคนเท่านั้นที่จะได้กลับบ้าน! ต้นฉบับนี้ยังไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์ บทที่ 4 ช่วยเหลือกัน การห้ามคุยกันเป็นกฎสำคัญที่ต้องทำตามอย่างเคร่งครัด เสี่ยวหูจื่อมาถึงหุบเขาเป็นวันที่สามก็เห็นเด็กสองคนถูกถอดเสื้อผ้า จับแขวนมัดมือมัดเท้าอยู่บนต้นไม้ มีผ้าคาดเอวสีขาวผูกปากเอาไว้ หัวหน้าหมู่คนหนึ่งประกาศความผิดพวกเขาว่า “พี่น้องสองคนนี้แอบคุยเมื่อคืนแล้วถูกหัวหน้าหมู่พบเข้าจึงลงโทษด้วยการโบยแส้สิบครั้ง ถ้าใครยังกล้าทำผิดซ้ำอีกจะต้องถูกลงโทษเยี่ยงนี้” เขาโบยเด็กทั้งสองคนต่อหน้าเด็กคนอื่น ๆ ทั้งหมดสิบครั้ง เนื้อตัวของเด็กสองคนปริแตก เลือดไหลเต็มตัว เด็กคนอื่น ๆ ได้แต่มองดูด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนก พวกเขารู้แต่ว่าจะต้องระมัดระวังตัวให้ดี อย่าได้พูดคุยกับเขา เสี่ยวหูจื่อร้องไห้คิดถึงบ้านติดต่อกันอยู่หลายคืน แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า เขาค้นพบว่าการร้องไห้ไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น การใช้ชีวิตอยู่ในหุบเขานี้นานอีกหนึ่งวันเท่ากับดับความหวังที่จะกลับบ้านลงไปอีกหนึ่งวัน หลังจากผ่านไปได้สิบวัน […]
ยุคสมัยแห่งธิดาอ๋อง 王女韶华 溪畔茶 ซีพั่นฉา เขียน ภวิษย์พร แปล — โปรย — ใครว่าการเป็นซื่อจื่อน้อยแห่งนครอวิ๋นหนานนั้นแสนสบาย คงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเข้าใจ ว่าการจะรักษาตำแหน่ง “ซื่อจื่อ” ไว้ไม่ใช่เรื่องง่าย มู่หยวนอวี๋จำต้องเดินทางไกล จากบ้านเกิดเมืองนอนมาอยู่ในเมืองหลวง เพื่อรักษาความลับที่สำคัญและยื้อชีวิตของตน แต่ก็เหมือนโชคชะตาเล่นตลก เมื่อบิดาเรียกตัวมู่หยวนอวี๋กลับอวิ๋นหนานบ้านเกิด การมาอยู่เมืองหลวงครั้งนี้จะเสียเปล่าหรือไม่ แผนการในชีวิตของมู่หยวนอวี๋จะเป็นอย่างไร ใครเล่าจะรู้ … _______________________________ ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“ สำนักพิมพ์อรุณ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) บทที่ 52 อีกฟากหนึ่ง หลังจากที่มู่หยวนอวี๋ส่งจดหมายโต้แย้งไปได้สองวัน ฮ่องเต้ลงพระอักษรแล้วส่งกลับคืนไปยังสภาขุนนาง ในเวลานี้คนที่สนใจเนื้อหาของหนังสือโต้แย้งต่างก็สืบความจนรับรู้แน่ชัดแล้ว คนอื่นยังพอทำเนา ซื่อจื่อเตียนหนิงอ๋องแค่เข้าเมืองหลวงก็ถูกคนถวายฎีการ้องเรียน ไม่รู้ว่าตัวเขาเองกำเริบเสิบสานจริงๆ หรือไปขัดหูขัดตาใครเข้าจึงถูกใส่ร้าย คนส่วนใหญ่จึงแค่อยากรู้อยากเห็น มีเพียงฮูหยินเหวินกั๋วกงเท่านั้นที่แทบจะโมโหจนตาย เพราะในหนังสือโต้แย้งเอ่ยถึงนางอย่างชัดเจน มู่หยวนอวี๋กล่าวว่า ตนเพิ่งเข้าเมืองหลวงได้ไม่นาน ได้ไปเยี่ยมเยือนบ้านอื่นมาแค่สองครอบครัว คิดไม่ออกจริงๆว่าตัวเองไม่ให้ความเคารพผู้อาวุโสตั้งแต่เมื่อไหร่ มีเพียงเรื่องเดียวที่อาจพอเป็นไปได้ นั่นก็คือฮูหยินเหวินกั๋วกง แม้จะไม่แน่ใจนัก แต่ในเมื่อถูกร้องเรียน […]
この嘘がばれないうちに เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น ตราบชั่วเวลาของคำโกหก คาวางุจิ โทชิคาซึ เขียน อภิวัฒน์ พวงไธสง เเปล ติดตามการวางจำหน่ายได้ที่เพจ แพรวสำนักพิมพ์ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) 1 เพื่อนสนิท ชิบะ โกทาโร่ มีคำโกหกที่ปกปิดลูกสาวมายาวนานถึงยี่สิบสองปี ฟิโอดอร์ ดอสโตเยฟสกี [1] นักประพันธ์ชาวรัสเซียกล่าวเอาไว้ว่า “เรื่องที่ยากที่สุดในชีวิต คือการมีชีวิตโดยไม่โกหก” ถึงจะบอกว่าเป็น “คำโกหก” แต่เป้าประสงค์ของมันก็ต่างกันออกไป คำโกหกเพื่อยกยอตน คำโกหกเพื่อหลอกลวงผู้อื่น หากมีคำโกหกที่ทำให้ผู้คนเจ็บปวด เช่นนั้น ย่อมมีคำโกหกที่ช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้ แต่อย่างไรก็ตาม โดยมากแล้ว ผู้คนมักนึกเสียใจกับคำโกหกของตนในภายหลัง โกทาโร่ก็เช่นเดียวกัน เขาเดินวนไปเวียนมาอยู่หน้าร้านกาแฟที่ลือกันว่าย้อนกลับไปสู่อดีตได้มามากกว่าสามสิบนาทีแล้ว ทุกครั้งที่นึกถึงคำโกหกของตัวเองขึ้นมา ปากก็บ่นงึมงำพึมพำ “ไม่ได้โกหกเพราะอยากโกหกซะหน่อย” ร้านกาแฟซึ่งย้อนกลับไปในอดีตได้นั้น อยู่ห่างจากสถานีจินโบโจโดยใช้เวลาเดินไม่กี่นาที ในซอยลึกหลังตึกสำนักงานเรียงราย มีป้ายร้านขนาดเล็กเขียนกำกับ “ฟูนิคูลี ฟูนิคูลา” เพราะร้านตั้งอยู่ชั้นใต้ดิน หากไม่มีป้ายร้านติดอยู่ ก็คงไม่มีใครรู้ว่ามีร้านกาแฟอยู่ตรงนั้น โกทาโร่เดินลงบันไดไปหยุดยืนอยู่หน้าประตูร้านอยู่หลายหน ประตูไม้ประดับรูปสลักลึก ปากพลางบ่นพึมพำกับตัวเอง […]